Pasalao

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: ທ່ານ ທັກສິນ ມາຫຼວງພະບາງແມ່ນແທ້ຫຼືບໍ່
Anonymous

Date:
RE: ທ່ານ ທັກສິນ ມາຫຼວງພະບາງແມ່ນແທ້ຫຼືບໍ່
Permalink Closed


ປີ2010 ຜ່ານມາ ສປປລາວ ຕິດ1ໃນ10ຂອງປະເທດໃນໂລກ ທີ່ມີລະດັບການຈະເລີນເຕີບໂຕທາງດ້ານເສດຖະກິດໄວ, ມັນແມ່ນຜົນງານຂອງຜູ້ນຳລາວ ຂອງຄົນລາວທຸກຄົນ. ??
ຕອບ
ສປປລ ມີຄວາມເຕິບໂຕ ມາແລ້ວ ເຄີ່ງສັຕວັດ
ແຕ່ ຕັວເລກຕັວຈີງຄື ປທ ນີ້ ຍັງ ຄອງຄວາມເປັນຂໍທານຢ່າງຫ້ນາອາຍທີ່ສຸດ
ເງີນຂາດງົປມານຢ່າງຕໍ່ເຫນື່ອງ ປີນື່ງ 5ຫົກຣ້ອຍລ້ານ ດລ
ເຊັ່ນດຽວກັບດູນການຄ້າລະຫ່ວາງ ປທ
ຍາມສະງົບ ເອົາຄວາມໂຕມາຫລອກຊາວໂລກ ແຕ່ ນາຍຄູນາຍຫມໍບໍ່ມີເງີນເດືອນກິນເປັນປິ"
ກ່ອນ 1975 ປາງນັ້ນສົງຄາມເຕັມ່ຮູບແບບ ແຕ່ ຣັຖບານຈ່າຍເງີນເດືອນກ່ອນວັນທີ່ 30 ແລະ ບໍ່ແມ່ກິຫລີ່ພັກສົ່ງນອກ ເຕັມຫນອງຄາຍ ອຸດອອນຂອນອກແກ່ນເດີ ລູກຫລານເອີຍ
14ເຄື່ອນ ມີລາຍໄດ້ເຂົ້າ ປທ ບໍ? ສີງກະໂປບໍ່ມີຈັກເຂື່ອນ ກາຍເປັນເສດຖືໂລກ ສ່ວນ ປທ ນີ້ ມີຜູ່ນຳ ປໍສາມ ລາກ ປທກູລົງເຫວ ຝູຍ
ສັພຍາກອນ ຂົນຂວຍໃຫ້ແກວຫັວຂອດ ເຈັກ ປົ້ນໄປຫົມດ
ປິ ໃຫ້ ສປປລ ກາຍເປັນ ປທ ທຸກຍາກທີ່ສຸດໃນໂລກ ທັງໆມີລາວນອກ ຫອບຕະກຸນ ດລ ມາລ້ຽວເກືອນ40ພັນລ້ານ ດລ ແລ້ວ
ແກວຫ້າມຕັດໄມ້ໃນ ປທ ເຂົາ ໄດ້6ປິແລ້ວ ແຕ່ ແກວຫັວຂອດ ສົ່ງໄມ້ອອກນອກ ປທ ມີມູນຄ່າເຖີງ 3ພັນລ້ານ ດລ ສ່ວນ ງົປມານ ລາວມີ ແຕ່ 1800ລ້ານ ດລ
ລູກສາວລູກຊາຍສະຫາຍຈູມມາລິ ທອງສິງລອຍຂ້າມຂອງ ເປັນຫົກເຈັດແສນ ຍາມບໍ່ມີເສິກມີເສືອເດິ ຫລານເອີຍ


.........................
ໂດຍສະເພາະແມ່ນມາລົງທຶນໃນການສ້າງເຂື່ອນພະລັງງານໄຟຟ້າ ຂຸດຄົ້ນບໍ່ແຮ່ແລະສໍາປະທານທີ່ດິນເພື່ອປູກຕົ້ນໄມ້ອຸດສະຫະກໍາ ແລະແຕ່ລະໂຄງການ ລາວມີສ່ວນບໍ່ເກີນ 20% ຜົນໄດ້ 80% ແມ່ນເປັນຂອງນາຍທຶນຕ່າງຊາດ. ທ່ານຊ່ອຍອະທິບາຍໃຫ້ຂ້ານ້ອຍເຫັນແຈ້ງແດ່, ຂອບໃຈ. ແລະຖ້າເສດຖະກິດລາວດີຂຶ້ນ ??
ຕອບ
1986 ນາງທອງຫວີນເມັຍ ທ້າວໄກ້ສອນ ຮຽກເງີນກ້ອງໂຕ 10% ດຽວນີ້ ໂຈນປົ້ນຊາດພໍພຽງກັນຮອດ20ຫາ30%ແລ້ວ ສະນັ້ນການສ້າງເຂື່ອນ ຢ່າງຫລວງຫລາຍ ແມ່ນສ້າງຄວາມລ້ຳລວຍໃຫ້ກູ່ມອັນຕະພານໂຈນ500ເທົ້ານັ້ນ
ລາຍໄດ້ບໍ່ເຂົ້າ ປທ ສ້າງໄປຫາຫອກເຮັດຫຍັງ??
ມືງຕອບບັກຈູມຫ້ນາຫມາ ບັກ ຄວາຍ ນຍ ປໍ4 ແລະໂຄດບັກໄຊສົມພອນ ກັບແມ່ມັນ
..................................
ເປັນຫຍັງເພິ່ນຈຶ່ງຕ້ອງໄດ້ພິມເງິນໃບແສນກີບອອກມາໝູນວຽນ? ຕາມທີ່ຮູ້ ການພິມເງິນໃບໃຫຍ່ໆອອກແນວນີ້ ແມ່ນເພື່ອແກ້ໄຂເສດຖະກິດເງິນເຟີ້, ທ່ານຄິດແນວໃດ໋ຕໍ່ບັນນີ້?
ຕອບ
ເພາະເງີນເຝີ້ ເສຖກິດຝືດເຄືອງ ຄົນ90%ບໍ່ມີຢູມີກິນ
ຊິ້ນໄກ້ເປັດ ຝົ້ງຂື້ນ ກະໂລລະ50 ພັນກິບ
ພີ່ນ້ອງນ້ອງກູ ໄດ້ແຕ່ດົມກີ່ນ ເພາະ ໂຄດແມ່ມັນແພງ
ເງີນເດືອນ ທັງເດືອນ ຊື້ໄກ້ກິນ ບໍ່ໄດ້ ພໍກິໂລ
ທີ່ ປທ ເສດຖີ ອົພຍົບລາວ 1 ລ້ານອາສັຍຢູ່ແດກ ໄກ່ມື້ລະໂຕ
ສປປລ ເປັນ ປທ ດຽວ ໃນໂລກ ທີ່ອອກກົດຫມາຍ ບັງຄັບໃຫ້ຄົນໃນຊາດ ໃຊ້ ເງີນກິບ ເງີນຕະກຸນຊາດ
ປານນັ້ນ ດຽວນີ້ ເງີນບາດ ດລ ຍັງແຜ່ຜາຍເປັນຕະກຸນ ທີ່ 2 ຄົນ ລາວ ທັງ ປທ ພູມໄຈ ຮັບເອົາແທນເງີນກິບ ທີ່ ບໍ່ມີໃຜຢາກໄດ້
ບ່າວໄປຫາສາວ ແບກ ເງີນກິບໄສ່ກະຕ່າໄປຈີບສາວ ສາວກະບໍ່ເວົ້າບໍ່ຢາກໂລມນຳ
ລາວນອກ ເອົາ ດລ ໃບດຽວປິ້ວໃຫ້ເຫັນ ກະນ້ຳລາຍຍ້ອຍແລ້ວ
ເລີຍ ບອກວ່າ ຜູ້ນຳ ປໍ6 ສ້າງສັງຄົມ ໃຫ້ ກຽດຊັງເງີນກີບແທ້ໆ 37 ປິ ຜ່ານມາຢ່າງຫ້ນາເສັຍໄຈແທ້ໆ




__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Casino -บ่อนสวรรค์ในลาว - Savan-Seno!!!









เป็น อีกบ่อนคาสิโนหนึ่งที่อยู่ติดกับจังหวัดมุกดาหารที่ปัจจุบันมีสะพานทอดผ่าน สู่ถนนหมายเลข 9 สู่ลาว – เวียดนามได้อย่างง่ายดาย และความง่ายดายนี้ก็เป็นต้นเหตุให้คนไทยถูกดึงไปบ่อนคาสิโนอย่างง่ายดายเช่น กัน เป็นอีกบ่อนหนึ่งที่ผมตั้งชื่อไว้ว่า บ่อนสวรรค์ปฏิเสธ หรือบ่อนที่ สวรรค์เซย์โน


ก่อน จะเข้าเรื่องบ่อนขอปูพื้นก่อนว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโนตั้งอยู่ในแขวงสะหวันนะเขตซึ่งมีชายแดนทางทิศ ตะวันตกติดกับจังหวัดมุกดาหารของไทยและทิศตะวันออกติดกับเมืองดานังของ เวียดนาม พื้นที่ของโครงการแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่=



- พื้นที่ส่วน A มี เนื้อที่ 305 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ เท่ากับ 6.25 ไร่) ตั้งอยู่ที่เมืองไกสอน พมวิหาร (เมืองคันทะบุรีเดิม) ทั้งนี้ องค์การเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน (Savan-Seno Special Economic Zone Authority : SEZA) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี มีแผนจะมุ่งพัฒนาให้พื้นที่ส่วนนี้เป็นเขตอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออก (Export Processing Zone) รวมถึงเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industry) และศูนย์กลางของธุรกิจบริการ

- พื้นที่ส่วน B มีเนื้อที่ราว 20 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ที่เมืองอุทุมพอน ห่างจากพื้นที่ส่วน A ไปทางทิศตะวันออกตามถนนหมายเลข 9 ราว 30 กิโลเมตร SEZA มีแผนจะมุ่งพัฒนาพื้นที่ส่วน B ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า ซึ่งประกอบไปด้วยคลังสินค้า (Warehouse) ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า (Hub and Spokes) สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (Inland Container Depot : ICD) และสถานีพักตู้คอนเทนเนอร์และโรงจอดรถบรรทุกสินค้า(Container Yard and Truck Terminal)



ซึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโนของรัฐบาล สปป.ลาว เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ใกล้กับ เขตเศรษฐกิจพิเศษลาวบาวในจังหวัด Quang Tri ของเวียดนาม ปัจจุบัน การพัฒนาเขตเศรษฐกิจลาวบาวของเวียดนามคืบหน้าไปมากจนพร้อมที่จะรองรับการ เข้ามาตั้งฐานการผลิตของนักลงทุนได้ทันที อีกทั้งยังอยู่ใกล้กัท่าเรือดานังกว่าในเชิงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ถือ ว่าทั้งสองเขตนี้กำลังชิงความได้เปรียบกันอยู่



ใน โซนเอของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ประกอบด้วย พื้นที่พักอาศัยและบริการ และ พื้นที่อุตสาหกรรม ก็มีโครงการโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่เรียกวันว่า Entertainment Complex ตั้ง อยู่บ้านหนองเดิน เมืองไกสอนพรหมวิหาร แขวงสะหวันนะเขต ใกล้กับสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเที่ยวแล้ว และยังจะมีโครงการอื่นๆเปิดตัวตามมา ซึ่งครบสมบูรณ์แบบในปลายปี 2009 นี้

ก่อนหน้านี้ นายจอห์น โบด์วิน (JOHN BALDWIN) ประธานผู้บริหารระดับสูงบริษัท ซันนัมอินเวสเม้นส์ จำกัด (Sanum Investments Limited) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในโครงการโรงแรมสะหวันเวกัสและคาสิโน เปิดเผยว่า




เดิมกิจกรรมหลักของบริษัท คือ การให้กู้ยืมเงินในนาม บริษัท บริดส์แคปิตอล จำกัด ตั้งแต่ปี 1997 ได้เริ่มลงทุน อยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เกาะไซปัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนั้นประเทศไทยเริ่มมีปัญหาทางเศรษฐกิจ และ ธนาคารก็หยุดให้เงินกู้ จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าไป ปล่อยเงินกู้ ในประเทศไทยและก็เป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัท ได้มีความสนใจที่จะมาลงทุนในทวีปเอเชียโดยแยกออกมาจากบริษัทแม่ที่อยู่เกาะ ไซปัน หลังจากเริ่มให้กู้ยืมเงินที่ภูเก็ตก็ได้ขยายกิจการไปทางยังมาเก๊า ประเทศจีน พนมเปญ ประเทศกัมพูชา และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)

นาย จอห์น กล่าวว่า โดยปกติแล้วบริษัทจะสนใจทำธุรกิจด้านรีสอร์ทและโรงแรมมากกว่าคาสิโน แต่สาเหตุที่เข้ามาลงทำทุนในกิจการโรงแรมสะหวันเวกัสและคาสิโน เพราะถูกเชิญให้มาร่วมลงทุนและเมื่อศึกษาแล้วเห็นว่ามีความคุ้มค่า จึงได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนบริหาร ทั้งนี้ สะหวันเวกัส และคาสิโนจะมีความแตกต่างกับคาสิโนทั่วไปโดยเฉพาะในชายแดนกัมพูชาซึ่งมีแค่ ห้องพักกับคาสิโนเท่านั้น ส่วนสะหวันเวกัสและคาสิโนจะมีทั้งสวนน้ำ ร้านอาหารนานาชาติ แหล่งช็อปปิ้ง ศูนย์บันเทิง สปา ร้านดิ้วตี้ฟรี เป็นต้น



ใน ส่วนของแผนกลยุทธ์มีการวางเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกทุกมุมโลก บนแนวคิดที่ว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบที่จะมีประสบการณ์ และสัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ เสมอ ขณะที่คาสิโนในกัมพูชาค่อนข้างจะมีแต่ลูกค้าระดับสูงหรือวีไอพีเท่านั้นที่ เข้าไปใช้บริการ แต่สำหรับสะหวันเวกัสและคาสิโนจะเน้นให้บริการลูกค้าทั่วไป รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาหาประสบการณ์อื่นๆนอกจากการเล่นคาสิโน เช่น ช็อปปิ้ง สปา ว่ายน้ำ รับประทานอาหาร หรือมาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ของแขวงสะหวันนะเขต โดยปัจจุบันได้รับการติดต่อจากบริษัทท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่า100 บริษัท ทั้งจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เวียดนาม และประเทศไทย เพื่อที่จะพาลูกทัวร์มาพัก และใช้บริการของสะหวันนะเวกัสและคาสิโน



โครงการ แรก ของสะหวันนะเวกัสและคาสิโน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เป็นตึกสูง 3 ชั้น ประกอบด้วยห้องพัก 180 ห้อง ห้องเกมส์ คาสิโนที่มีพื้นที่ขนาด 4,950 ตารางเมตร แบ่งเป็นเครื่องเล่นสล็อต 300 เครื่อง โต๊ะเกมส์ 80 โต๊ะ ร้านอาหารนานาชาติ เคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ศูนย์บันเทิง สปา แหล่งช็อบปิ้งที่ทันสมัยและสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของ สปป.ลาว ส่วนโครงการที่ 2 เป็นตึกสูง 10 ชั้นอยู่บริเวณด้านหลังของโครงการแรก ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาประกอบด้วย ไนต์คลับ เซาว์น่า จากุชซี่ ศูนย์ดูแลสุขภาพ นวดแผนโบราณ ซึ่งจุดประสงค์หลักของโครงการที่ 2 คือ ห้องประชุมสัมมนา และเน้นสร้างรีสอร์ท ให้สมบูรณ์แบบที่สุดในแขวงสะหวันนะเขต







ก่อนหน้านี้ บริษัทซันนัม อินเวสเม้นส์ จำกัด (ซันนัม) ได้ลงทุนในมาเก๊า กัมพูชา ไทย เกาะกวม(Guam) และ สปป.ลาว นอกจากโครงการสะหวันเวกัสแล้ว บริษัทยังได้มีแผนการลงทุนโครงการ ปากซองเวกัส สปา รีสอร์ท และคาสิโน ที่เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ปัจจุบัน บริษัทกำลังก่อสร้างรีสอร์ท และศูนย์บันเทิง ขนาดใหญ่ พร้อมด้วย สวนน้ำ ซึ่งเรียกว่า The kingdom of Dreams (ราชอาณาจักร แห่งความฝัน) ในใจกลางเมืองเสียมเรียบ ใกล้กับอังกอร์ ภายในรีสอร์ทประกอบด้วย ร้านอาหาร แบบบุฟเฟ่ต์ ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 1,500 คน และหมู่บ้านเทศกาลต่างๆที่มีการละเล่นรูปแบบในเทศกาล สินค้าหัตถกรรมและแหล่งช็อปปิ้ง นอกจากนี้ ยังได้ก่อสร้างโรงภาพยนตร์ IMAX ที่ทันสมัยอีกด้วย นอกจากนั้น บริษัทยังได้ดำเนินการพัฒนาสถานที่เล่นเกมส์คาสิโนอีก 3 แห่ง ในชายแดนกัมพูชา โดยใช้ชื่อว่า The Casino Kingdom ด้วย



นาย จอห์น กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจสะหวันเวกัสและคาสิโนได้มีการสำรวจตลาดก่อน แล้ว พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน สปป.ลาวประมาณ 2 แสนคนต่อปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะนิยมเดินทางเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ แรก และยังพบว่าคนไทยจะนิยมเล่นไพ่บัคคาร่ามากที่สุด อย่างไรก็ตามกฎหมาย สปป.ลาว มีข้อห้ามไม่ให้คนลาวเข้ามาเล่นคาสิโนโดยเด็ดขาด แต่สามารถเข้ามาใช้บริการอย่างอื่นได้ในสะหวันเวกัสและคาสิโนได้ ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะมีจุดประสงค์ที่จะให้บริการด่านคาสิโนแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ แล้ว และได้ตั้งเป้าในการคืนทุนไว้ โดยคาดว่าน่าจะมีรายได้ประมาณร้อยละ 20 ของมูลค่าการลงทุนกลับคืนมาในแต่ละปี



ก่อน หน้านี้ ทางบริษัท ก็ตั้งศูนย์ฝึกอบรมให้กับพนักงานที่จะมาทำงานกับทางสะหวันเวกัส และคาสิโน โดยพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นชาวลาวประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมาจากประเทศอื่นๆ อาทิเช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย เป็นต้น ทั้งนี้ในโครงการแรกจะมีการจ้างพนักงานประมาณ 700-800 คน สำหรับให้บริการแก่ลูกค้าในส่วนของคาสิโนเป็นพิเศษ คือ การจัดให้บริการรถรับ-ส่งฟรี อาหารฟรี และจะมีของขวัญมอบให้เพื่อเป็นการคืนทุนแก่ลูกค้าด้วย ประกอบกับขณะนี้สนามบินสะหวันนะเขตได้เปิดให้บริการแล้ว โดยมีตารางบิน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ในเส้นทาง สะหวันนะเขต – เวียงจันทน์


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

เขตพิเศษต้นผึ้ง-สามเหลี่ยมทองคำ : LAO PDR =อาณานิคมใหม่ของจีน!!!


ยาม เช้าในปลายปี ๒๕๕๑ คนหนุ่มส่วนหนึ่งของบ้านกว๊านรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนเวลาทำงานปกติของคน ลาว ๑ ชั่วโมง เพราะพื้นที่ทำงานในเขตพิเศษซึ่งกำลังก่อสร้างบ่อนกาสิโนใช้เวลาของจีน โดยนาฬิกาของจีนเร็วกว่าลาว ๑ ชั่วโมง การทำงานที่ฝืนวิถีเวลาการทำงานเข้าและออกจากเขตก่อสร้างไม่กระทบเท่ากับ วิถีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของคนลาวและคนจีน รวมทั้งการไม่ตั้งใจจะให้คนลาวได้ใช้แรงงานในพื้นที่ ทำให้ต่อมาเขตก่อสร้างบ่อนกาสิโนต้นผึ้งมีคนงานจากจีนเท่านั้นที่เข้าถึงงาน ได้


จากเมืองห้วยทรายเลาะถนนไปตามริมแม่น้ำโขงขึ้นไปจนถึงเมืองต้นผึ้งและ เมืองมอม มีอิทธิพลของจีนกระจายอยู่ทั่ว ไม่ว่าจะการสนับสนุนงานชนเผ่าแขวงบ่อแก้วในปีนี้ ตลาดจีนในห้วยทราย ถนนริมฝั่งโขงในเขตต้นผึ้งไปจนถึงบ่อนกาสิโน รวมทั้งการปิดกั้นสายน้ำยอนเพื่อผลิตเขื่อนไฟฟ้าป้อนเขตพิเศษบ่อนกาสิโน และการเช่าพื้นที่บนดอยสูงของแขวงในการปลูกสวนยาง การเช่าที่ดินเล็กๆ ในที่ราบเชิงดอย ปลูกแตงโม ปลูกพืชผัก เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ ฯลฯ


เขตบ่อนกาสิโนต้นผึ้งหรือเขตพิเศษของกลุ่มทุนว้ากับจีนในนามบริษัทดอกงิ้วคำ มีเจ้าเหว่ยเป็นหัวหน้าคณะเจ้าของที่มีเครือข่ายยาเสพติดและการค้ามนุษย์ ด้วย แผ่อิทธิพลร้ายต่อผู้คนมากมายในเมืองต้นผึ้งและแขวงบ่อแก้ว ถนนจากบ้านปากยอนตัดตรงไปสู่บ่อนกาสิโนกำลังก่อสร้าง บ่อนเปิดไปแล้วส่วนหนึ่งตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่กำลังขยายการก่อสร้างเพิ่มเติมต่อไปทั้งกลางวันและกลางคืนบนพื้นที่ทำนา ปลูกข้าวได้ดีที่สุดในเมืองต้นผึ้ง รถขุดทรายจากชายฝั่งโขงและดอนกลางโขงวิ่งเข้าออกเขตวังปลาของชาวบ้านตลอด เวลา ชาวบ้านบ้านกว๊านได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด ตอนเย็นย่ำค่ำวันหนึ่งชายชาวลาวเข้าไปในเขตที่นาตามปกติ เพื่อดูน้ำท่าในผืนนาของตน กลับถูกคนจีนในเขตพิเศษแห่งนี้จับถ่ายรูปพร้อมสายไฟของพวกเขาแล้วยัดข้อหา ว่า โจรขโมยของ ส่งไปเข้าคุกในเมืองห้วยทราย



เริ่มต้นบริษัทนี้ได้สัมปทานในที่ดินในการใช้เป็นเขตพิเศษจากเวียงจันจำนวน ๘๒๗ แฮกตาร์ แต่ในปีต่อมาก็ขอสัมปทานต่อจนเป็น ๓,๐๐๐ แฮกตาร์ ว่ากันว่า เมื่อสามารถเสร็จสิ้นในช่วงแรกทั้งหมดแล้วจะขยายเนื้อที่ออกเพิ่มต่อไป คาดว่าชาวต้นผึ้ง ๕๐ หมู่บ้าน ๕๐,๐๐๐ คน จะได้รับผลกระทบทั้งเมือง กล่าวกันว่า พื้นที่เขตพิเศษของจีนที่ได้มานี้แลกเปลี่ยนกับการสร้างสนามกิฬา สร้างถนนหนทางในเวียงจัน เหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในเขตบึงธาตุหลวงซึ่งเป็นพื้นที่ ศักดิ์สิทธิ์บูชาของคนลาว รวมทั้งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญไม่ให้น้ำท่วมเวียงจัน ชาวจีนจำนวน ๓,๐๐๐ ครอบครัวจะเข้ามาอยู่โดยมีข้อแลกเปลี่ยนกับการก่อสร้างต่างๆ เพื่องานซีเกมส์ซึ่งลาวเป็นเจ้าภาพในปีที่ผ่านมา ทว่าถูกคัดค้านจากคนเวียงจัน และบรรดาผู้นำของลาว ทำให้กลุ่มคนจีนเหล่านี้ย้ายมาสนใจเมืองเชียงแมนฝั่งตรงข้ามหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ทว่าด้วยกฏข้อห้ามของเมืองมรดกโลกที่ไม่ยินยอมให้สร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดสูง ใหญ่ในเชียงแมน ทำให้กลุ่มคนจีนเหล่านี้ต้องกลับไปที่บึงธาตุหลวงอีกครั้ง อิทธิพลของจีนที่แผ่มาในเขตอินโดจีนนี้ ไม่เหมือนคนจีนรุ่นก่อนที่มีเพียงเสื่อผืนหมอนใบแล้วมาพึ่งพิงพึ่งพาอาศัยทำ มาหากินอย่างรู้จักวัฒนธรรมคนอุษาคเนย์ ทว่าคนจีนรุ่นทุนนิยมคอมมิวนิสต์นี้ มาด้วยเงินทุนในกระเป๋าใหญ่หนาหนัก พร้อมจะกว้านซื้อ แย่งชิงทรัพยากรของคนในลุ่มน้ำโขงไปได้ในทันที รวมทั้งความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมของลาว และการทำตัวของสมาคมชาวจีนราวกับมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในลาว ทำให้คนลาวรู้สึกอึดอัดและทุกข์ยากยิ่งขึ้นกว่าก่อน


ในพื้นที่บ่อนกาสิโน ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก สนามมวย สถานบันเทิง ร้านซักรีด โรงน้ำแข็งน้ำดื่ม (ในพื้นที่ป่าชุมชนของชาวบ้านซึ่งตัดไม้ใหญ่ออกแล้ว) คอกเลี้ยงหมู ปลูกผัก และงานอื่นๆ มีคนงานจากบ้านกว๊านเพียง ๖ คนเท่านั้นที่ยังมีงานทำในพื้นที่พิเศษนี้ นอกนั้นเป็นคนจีน คนพม่า รวมทั้งมีรายงานว่า การค้าประเวณี การค้ามนุษย์และยาเสพติดเป็นน้ำเลี้ยงสำคัญเช่นเดียวกับการพนันของบ่อนนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่คือคนจีน ทั้งจีนจากแผ่นดินใหญ่ สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง และนักพนันผู้ร่ำรวยของไทย โดยมีรายงานอีกว่า คนร่ำรวยบางส่วนของเมืองห้วยทรายเริ่มติดบ่อนจนมีหนี้สินล้นพ้นตัวไปแล้วก็ มี


ตามกำหนดการ ชาวบ้านกว๊านจะถูกอพยพในต้นเดือนม.ค. ๒๕๕๔ ที่จะถึงนี้ แต่คาดว่าการเตรียมที่และสร้างบ้านแบบนิคมจัดสรรบนที่ราบเชิงดอยเนื้อที่ ๔๒ แฮกตาร์ อาจจะล่าช้าไปถึงเดือน พ.ค. ปีหน้า โดยมีการเวนคืนที่ดินทั้งที่นาและที่ดินบ้านไปแล้วในปีนี้ ทว่ามีบางส่วนที่ไม่ยอมขายให้บริษัท โดยมีที่นาอยู่เคียงข้างบ่อนกาสิโนต่อไป ราคาเวนคืนที่นาเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ที่ดินบ้าน ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมการรื้อถอนบ้านเก่าให้ไปใช้ประโยชน์ ผู้ยอมรับการโยกย้ายจะสามารถเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ บนที่ดินใหม่แบบนิคมโดยตัวเปล่า แบบบ้านมี ๓ ประเภท ๖ แบบ คือ ประเภท A เนื้อที่ ๘๐๐ ตร.ม. B เนื้อที่ ๖๐๐ ตร.ม. และ C เนื้อที่ ๔๐๐ ตร.ม. ในแต่ละประเภทจะมีแบบบ้าน ๒ แบบ รวม ๖ แบบ ให้เลือก โดยมีชาวบ้านยอมย้ายแล้ว ๑๑๔ หลังคาเรือน ชาวบ้านที่ไม่ยอมย้ายยังรอดูว่า สิ่งที่บริษัทสัญญาไว้ว่าจะทำให้ จะเป็นดังที่ว่าหรือไม่ หากไม่ คงต้องเห็นน้ำตาชาวลาวรินหลั่ง โดยเป้าหมายต่อไปคือบ้านเพียงงาม ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านกว๊านมาทางบ้านต้นผึ้ง ซึ่งจะถูกอพยพโยกย้ายเช่นกัน


“เราขอวิหารและพระประธานไว้ในที่เดิม แต่เขาบอกว่า ต้องย้ายไปด้วย เราเลยว่าหากย้ายก็อย่าให้บุบสลายแม้นิดเดียว เขาบอกว่า เขาทำได้ เราก็อยากรู้ว่า เขาทำอย่างไร นี่มันสำคัญมากเลย ย้ายได้แม้กระทั่งวัด เราขอให้เขาทำพิธีวางใจบ้านสะดือเมือง และพิธีย้ายวัดด้วย... เราไม่เข้าใจ เขาจะทำอะไรก็ทำเอาได้หมดสิ้นเลย...” ชาวบ้านคนหนึ่งบอก นอกจากนี้ที่สำคัญกว่านั้นคือ กลุ่มทุนจีนกลุ่มนี้ได้ร่วมกับทางกลุ่มทุนท้องถิ่นไทยด้วย โดยพวกเขาได้วางแผนขีดแผ่นที่ไว้แล้วว่า ในสามเหลี่ยมทองคำทั้งหมด ทั้งส่วนของเชียงแสน-ไทย ท่าขี้เหล็ก-พม่า ยอมเป็นเขตพิเศษด้วยในอนาคต นี่คืออิทธิพลที่แผ่เข้ามาของกลุ่มทุนยาเสพติด การพนัน การค้ามนุษย์ แล้วผู้คนท้องถิ่นจะอยู่อย่างไร ในสภาวะเขตพิเศษอาณานิคมใหม่ของจีนซึ่งไม่มีศาสนานอกจากบูชาเงินตราเท่า นั้น!!!


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ສປປລ ສາມາດ ຢຶນຄຽງຂ້າງ ປທ ເກົາຫລີ ຄມນ ໄດ້ ສະລາຍຍັງບໍ່ໄດ້ພຽງພາກັນກີນຫຍ້າເທົ້ານັ້ນ
ນີ້ກະແມ່ນ ຄວາມເກັ່ງ ຂອງ ຜູ້ ນຳ ຈົບ ປະຖົມແລ້ວ

ກ່ອນ37 ປີ ຜູ້ ນຳ ຝ່າຍຂວາ ຈົບການສືກສາ ມາ ແຕ່ ຝັຣ່ງ ອັງກີດ ...........
ຍາມນີ້ ມາແຕ່ຖ້ຳ ທັງນັ້ນ ດຣ ສາສດາຈານ ເຕັມ ວົງການຣັຖບານ ແຕ່ບໍ່ມີບັກໃດ ອີ່ ໃດ ຂຽນ ວີທຍານິພົນdissertationຈັກຄົນ
ຊື້ເອົາທັງນັ້ນ
ນິ້ຄືຄວາມເກັ່ງ ຂອງ ຜູ້ນຳ ລາວເຮົາ ຍຸກ ເຂດເສຖກິດພິເສດ
ຍຸກອານານີຄົມທ້ອງຖື່ນແກວຊາດຊັ່ວມາຄູມຄອງ ລາວກູ ໃນ ສັຕວັດ ທີ່ 21
ໂລກ ທັງໂລກ ປອດ ສີ່ງນີ້ ແຕ່ ໂຈນຊາດຊັ່ວ ໄປແບກ ໄປຫາມໄປແກ່ ເອົາ ນາຍທືນຫ້ນາເລືອດເຈັດແກວ
ມາສ້າງ ເຂດນີ້
ທີ່ພວກເຣົາເສັຍເອກກະຣາຊ
ທາງດ້ານພາສາ ພາສີ ເງີນກິບ ຄວາມຫັ້ມຄົງແລະ ຄວາມຍູດຕິທັມ

ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??

ຝູຍ

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

เจ้าชายแดงกับการนำพาอันฉลาดส่องใสของพรรคปฏิวัติลาว!!!





การสู้รบอย่างดุเดือดที่สมรภูมิท่าแขก ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำโขงกับนครพนม ในต้นปี 1946 ระหว่างทหารฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าอาณานิคม กับกองกำลังของคณะรัฐบาลลาวอิสระ ซึ่งประกาศอิสรภาพจากการปกครองของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1945 นั้น ถึงแม้ว่าฝ่ายรัฐบาลลาวอิสระจะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการสู้รบอย่างราบคาบก็ตาม แต่ด้วยความหาญกล้า และเด็ดเดี่ยวในการเป็นผู้นำในการสู้รบในครั้งนั้นจนตัวเองต้องได้รับบาด เจ็บสาหัสนั้นก็ได้ทำให้พระนามของ เจ้าสุพานุวง เป็นที่กล่าวขานและศรัทธาของประชาชนลาวผู้รักอิสรภาพในเวลานั้นอย่างกว้าง ขวาง ทั้งยังนับเป็นจุดเริ่มของการเสริมสร้างกำลังในการปลดปล่อยชาติลาวจนเป็นผล สำเร็จในอีก 20 ปีต่อมาอีกด้วย
ครั้นเมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ดูเหมือนว่าวีรกรรมอัน อาจหาญแห่งสมรภูมิรบที่ท่าแขกดังกล่าวจะจางหายไปจากการรับรู้ของคนลาวรุ่น ใหม่ไปเสียแล้ว ยิ่งในสถานการณ์ที่ประชาชนลาวเกือบ 6 ล้านคน ต่างก็ต้องดิ้นรนอย่างชนิดที่เรียกว่าปากกัดตีนถีบภายใต้วิกฤติการณ์ทาง เศรษฐกิจและการเงินโลกในเวลานี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงเรียงนามของ เจ้าสุพานุวง นั้นแทบจะกล่าวได้เลยว่าถูกบดบังไปเสียสิ้น!!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับจากการถึงแก่อสัญกรรมอย่างปัจจุบันทันด่วนของอดีตผู้ นำสูงสุดตลอดกาลของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวอย่าง ไกสอน พมวิหาน ในช่วงปลาย ปี 1992 ซึ่งทำให้พรรคฯได้ดำเนินการรณรงค์และโฆษณาเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของการ เป็นผู้นำสูงสุดตลอดกาลของ ไกสอน ให้โดดเด่นมาโดยตลอดนั้น ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงเรียงนามของ เจ้าสุพานุวง กลายเป็นภาพลักษณ์ที่รองลงมาจนถึงขนาดว่าการจัดงานที่เป็นการรำลึกถึง เจ้าสุพานุวง ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดในบางปีนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมในวงศาคณาญาติเท่านั้น!!!
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะทางการเมืองของทายาทและครอบครัวของเจ้าสุพานุวง ยิ่งถดถอยลงเรื่อยๆนับจากการถึงแก่อสัญกรรมของ เจ้าสุพานุวง ในต้นปี 1995 เป็นต้นมาจนถึงขนาดที่ทำให้ คำไซ สุพานุวง บุตรชาย ที่หลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการ เงินและตำแหน่งสำคัญภายในพรรคฯลาวนั้น ต้องขอลี้ภัยทางการเมืองในนิวซีแลนด์นับจากปลายปี 2000 เป็นต้นมาจนเท่าทุกวันนี้อีกด้วย!!!
แต่อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงเรียงนามของ เจ้าสุพานุวง ก็ได้กลับมาสู่การรับรู้ของผู้ คนในลาวอีกครั้งในปีนี้อันถือเป็นปีแห่งการครบรอบวันเกิด 100 ปีของ เจ้าสุพานุวง พอ ดี และที่สำคัญก็คือว่าพรรคฯลาวไม่เพียงจัดงานเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าวนี้ให้ อย่างยิ่งใหญ่เท่านั้น หากยังได้มีการจัดเวทีเผยแพร่วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของ เจ้าสุพานุวง ในอดีตให้เป็นที่รับรู้และซึมซับในกลุ่มคนลาวรุ่นใหม่ในทั่วประเทศอีกด้วย
แน่นอนว่าการจัดงานใหญ่ในลักษณะเดียวกันนี้มิใช่งานแรกของพรรคประชาชน ปฏิวัติลาวเพราะได้มีการจัดให้กับอดีตผู้นำตลอดกาลของพรรคฯอย่าง ไกสอน เป็นประ จำทุกปีอยู่แล้ว ทั้งยังได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์และรูปหล่อครึ่งตัวของ ไกสอน ไปตั้งไว้ในที่ทำการของพรรคฯและรัฐบาลลาวตามเมืองและแขวงต่างๆในทั่วประเทศ อีกด้วย
ส่วนที่ถือว่าเป็นการย้อนยุคไปในอดีตที่ยาวนานมากกว่านั้นก็คือการสร้าง รูปปั้นของ พระเจ้าฟ้างุ้ม ในฐานะเจ้ามหาชีวิตผู้รวบรวม และสถาปนาราชอาณาจักรล้านช้างอันยิ่งใหญ่เมื่อกว่า 650 ปีก่อน ทั้งๆที่พรรคฯลาวนั้นไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับประวัติ ศาสตร์ในอดีตกาลเลย นอกจากการตอกย้ำถึงความโหดร้ายของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส และจักรวรรดิ์อเมริกาเป็นสำคัญ
แต่ในเมื่อว่าสถานการณ์โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในขณะที่ลาวเองก็ไม่ สามารถที่จะอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการล่มสลายของเสาหลัก อย่างอดีตสหภาพโซเวียตในปลายทศวรรษที่ 90 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้ลาวขาดที่พึ่งทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วยแล้ว จึงทำให้พรรคฯลาวจำต้องมีปรับเปลี่ยนทั้งในด้านแนวทางและแนวนโยบายในการนำพา ประเทศชาติภายใต้สิ่งที่เรียกว่า จินตนาการใหม่ New Thinking นับจากปี 1986 เป็นต้นมา!
ทั้งนี้โดยได้เริ่มเปิดประเทศเพื่อทำการค้าและก็รองรับการลงทุนจากต่าง ประเทศ อย่างกว้างขวาง จนในปัจจุบันนี้ก็ปรากฏว่ามูลค่าการค้าต่างประเทศของลาวได้เพิ่มขึ้นจากปี 1985 มากกว่า 15 เท่า ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีมูลค่าการลงทุนสะสม เกินกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้วในเวลานี้
แต่ในขณะเดียวกัน ลาวก็ไม่สามารถที่จะหลุดรอดจากการถูกกระทบจากปัญหาวิกฤติการณ์ต่างๆที่เกิด ขึ้นจากภายนอกประเทศได้เช่นกัน โดยไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการณ์ทางการเงินในเอเชียเมื่อปี 1997 ซึ่งทำให้เงินกีบของลาวตกต่ำลงจากระดับ 35 กีบเป็น มากกว่า 240 กีบต่อ 1 บาท ทั้งยังได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเป้าหมายของพรรคฯลาวที่จะแก้ไขปัญหาความ ยากจนของประชาชนลาวให้น้อยลงอีกด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือในท่ามกลางปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินโลกที่เป็นอยู่ในเวลา นี้ ก็ยังได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงความศรัทธาของประชาชนลาวที่มีต่อการนำของ พรรคฯลาวอีกต่างหาก เนื่องจากประชาชนลาวได้รับผลกระทบจากวิกฤติอันนี้อย่างกว้างขวาง
โดยกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนแล้วในเวลานี้ก็คือผลผลิตข้าวโพดใน ลาวที่มีน้ำหนักรวมมากกว่า 8 แสนตันในเวลานี้ไม่มีตลาดรองรับ เนื่องจากรัฐบาลไทยได้มีคำ สั่งห้ามนำเข้าผลผลิตข้าวโพดจากลาวในระยะนี้เพื่อเป็นมาตรการให้ความช่วย เหลือแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในไทยก่อน
ส่วนเกษตรกรลาวที่ได้พากันหันไปปลูกยางพารามากขึ้นเรื่อยๆในตลอดช่วงกว่า 8 ปีมานี้ โดยได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากพ่อค้าไทยและพ่อค้าจีนนั้นก็มีอันต้องได้ รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะเกษตรกรลาวไม่เพียงจะต้องเผชิญกับปัญหาราคายางพาราตกต่ำลงอย่างรุนแรง เท่านั้น หากแต่ยังต้องเผชิญกับปัญหาไม่มีตลาดรองรับผลผลิตอีกด้วย เนื่องจากพ่อค้าไทยและพ่อค้าจีนได้ปฏิเสธที่จะรับซื้อผลผลิตดังกล่าวนั่นเอง และที่หนักไปกว่านั้นคือบรรดาพ่อค้าจีนยังได้ประกาศยกเลิกแผนการลงทุนปลูก ยางพาราบนพื้นที่กว่า 2 แสนเฮกตาร์หรือกว้างกว่า 12.5 ล้านไร่อีกต่างหาก
สำหรับในด้านการลงทุนของต่างประเทศในลาวนั้นส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นตัวเลข ที่เป็นเงินทุนจดทะเบียนเท่านั้น เนื่องจากโครงการลงทุนส่วนใหญ่ของต่างประเทศในลาวจะเน้นหนักไปในด้าน อุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงานซึ่งในเวลานี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการสำรวจ และศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งนั่นก็หมายความว่ายังไม่มีการนำเงินเข้าไปลงทุนในลาวอย่างแท้จริง นอกจากค่าใช้จ่ายในส่วนของการสำรวจและศึก ษาความเป็นไปได้ของโครงการเท่านั้น
โดยกรณีตัวอย่างที่ชัดเจน ก็คือโครงการลงทุนก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีเป้าหมายที่จะส่งกระแส ไฟฟ้าขายให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย EGAT ในปริมาณรวมถึง 7,000 เมกกะวัตต์นับจากปี 2015 เป็นต้นไปนั้น หากแต่จนถึงขณะนี้ก็ปรากฏว่ามีเพียงโครงการเขื่อนน้ำเทิน 2 เท่านั้นที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม!
ส่วนในด้านแรงงานของลาวนั้นก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นเดียวกัน ยิ่งต้องมาประสบกับมาตรการของรัฐบาลไทย ซึ่งจะไม่ต่ออายุการจ้างแรงงานลาว เขมร และพม่าในปีนี้เพื่อกันตำแหน่งงานไว้รองรับคนไทยที่จะต้องประสบกับการถูก เลิกจ้างด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจของลาวนั้นต้องถูกกระทบมากขึ้นไปอีก เพราะจากการสำรวจที่ดำเนินการโดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของลาวเอง นั้นพบว่าในแต่ละปีจะมีก้อนเงินของแรงงานลาวในไทยที่ส่งกลับไปลาวมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้โดยเชื่อว่ามีแรงงานลาวกว่า 4 แสนคนที่ลักลอบทำงานในไทยในทุกวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ภาคธุรกิจบริการและท่องเที่ยวของลาวก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบ อย่างหนักเช่นกันเพราะในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปที่ลาว มากกว่า 1.6 ล้านคนในปี 2008 นั้นเป็นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มอาเซียนด้วยกันกว่า 80% และมากกว่าครึ่งก็คือนักท่องเที่ยวชาวไทย
ส่วนฉันทนาในลาวอีกกว่า 30,000 ชีวิตก็ยังจะต้องเสี่ยงอย่างสูงที่จะตกงานใน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพราะตลาดหลักของลาวในการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั้นก็คือ สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำและแร่ทองแดงที่สร้างเงินตราต่างประเทศให้ กับลาวได้มากกว่า 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้วก็มีอันต้องลดการส่งออกแล้วในเวลานี้ เพราะราคาแร่ทองแดงในตลาดโลกได้ลดต่ำลงกว่า 50% แล้ว ในขณะที่รายได้จากการส่งออกไม้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของแผนการฯปีนี้ก็ปรากฏว่าสามารถปฏิบัติได้เพียงไม่ถึง 28% ของเป้าหมายที่วางไว้เท่านั้น
โดยภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ ก็ทำให้รัฐบาลลาวไม่มีทางเลือกมากนักในอันที่จะ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปได้ และทางเลือกหนึ่งที่รัฐบาลลาวได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วในเวลานี้ ก็คือการขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศเพิ่มมาก ขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆมา!!!
ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดประเทศที่เป็นการนำเอาระบบเศรษฐกิจทั้งหมดของลาวไป ผูกติดไว้กับกลไกเโลกทุนนิยมนั้น ก็ทำให้พรรคฯลาวนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการนำพาประเทศชาติอยู่ ไม่น้อยเช่นกัน เพราะการเปิดประเทศดังกล่าวนี้ยังหมายถึงการเปิดให้ประชาชนลาวมีโอกาสได้รับ รู้ข่าวสารและข้อมูลต่างๆจากภายนอกทั้งที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อการนำของ พรรคฯลาวด้วยนั่นเอง!
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พรรคฯลาวจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาตนเองให้เท่าทันกับ สถานการณ์โลกอยู่ตลอดเวลา และในขณะเดียวกัน ก็ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกจิตสำนึกแห่งชาติลาวให้คงอยู่ ซึ่งนั่นก็หมายถึงความอยู่รอดปลอดภัยของพรรคฯลาวด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น การรณรงค์และโฆษณาให้ประชาชนลาวได้รับรู้และสำนึกถึงความเสียสละและวีรกรรม อันยิ่งใหญ่ของ เจ้าสุพานุวง ในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเอกราชอันสมบูรณ์ของชาติในทุกวันนี้ ก็คือยุทธวิธีหนึ่งที่พรรคฯลาวได้เลือกใช้ในเวลานี้!!!



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ຄົນໄປຖ່າຍຮູບນຳເພິ່ນຫຼາຍນໍ້



__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 239
Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

ສປປລ ສາມາດ ຢຶນຄຽງຂ້າງ ປທ ເກົາຫລີ ຄມນ ໄດ້ ສະລາຍຍັງບໍ່ໄດ້ພຽງພາກັນກີນຫຍ້າເທົ້ານັ້ນ
ນີ້ກະແມ່ນ ຄວາມເກັ່ງ ຂອງ ຜູ້ ນຳ ຈົບ ປະຖົມແລ້ວ

ກ່ອນ37 ປີ ຜູ້ ນຳ ຝ່າຍຂວາ ຈົບການສືກສາ ມາ ແຕ່ ຝັຣ່ງ ອັງກີດ ...........
ຍາມນີ້ ມາແຕ່ຖ້ຳ ທັງນັ້ນ ດຣ ສາສດາຈານ ເຕັມ ວົງການຣັຖບານ ແຕ່ບໍ່ມີບັກໃດ ອີ່ ໃດ ຂຽນ ວີທຍານິພົນdissertationຈັກຄົນ
ຊື້ເອົາທັງນັ້ນ
ນິ້ຄືຄວາມເກັ່ງ ຂອງ ຜູ້ນຳ ລາວເຮົາ ຍຸກ ເຂດເສຖກິດພິເສດ
ຍຸກອານານີຄົມທ້ອງຖື່ນແກວຊາດຊັ່ວມາຄູມຄອງ ລາວກູ ໃນ ສັຕວັດ ທີ່ 21
ໂລກ ທັງໂລກ ປອດ ສີ່ງນີ້ ແຕ່ ໂຈນຊາດຊັ່ວ ໄປແບກ ໄປຫາມໄປແກ່ ເອົາ ນາຍທືນຫ້ນາເລືອດເຈັດແກວ
ມາສ້າງ ເຂດນີ້
ທີ່ພວກເຣົາເສັຍເອກກະຣາຊ
ທາງດ້ານພາສາ ພາສີ ເງີນກິບ ຄວາມຫັ້ມຄົງແລະ ຄວາມຍູດຕິທັມ

ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??
ຈູມຕອບແດ່ ພວກສຸພາກັນແລ່ນອອກປ່າ ປາງນັ້ນ ເພື່ອຫຍັງ??

ຝູຍ


 ເພີ່ນນີ້ຊົງຊິຄຽດແຮງ ອົດເອົາອົດເອົາຢູ່ບໍ່ຮອດ100ປີດອກໃຜກະດີ ເສຍແລ້ວເສຍໄປ ປ່ອຍວາງປ່ອຍວາງ



__________________

ສາມັນຊົນ

Anonymous

Date:
Permalink Closed

ເພີ່ນນີ້ຊົງຊິຄຽດແຮງ ອົດເອົາອົດເອົາຢູ່ບໍ່ຮອດ100ປີດອກໃຜກະດີ ເສຍແລ້ວເສຍໄປ ປ່ອຍວາງປ່ອຍວາງ
.......................
ຍາລຸງພູທອນແລະ ທຸ ກທ່ານສະມາຊິກພາສາລາວ
ແວບໄຊທີ່ນັບຖື

ຜູ້ນໍາພັກລັດຍັງຈະຕ້ອງໄດ້ສຶກສາຮໍ່າຮຽນແລະຄົ້ນຄວ້າຕື່ມອີກໃຫ້ຫຼາຍໆເທົ່າທີ່ຈະຫຼາຍໄດ້ເພື່ອໃຫ້ເຂົ້າໃຈເຖີງອຸປະນິດສັຍ
ແລະວິຖີຊີວິດຂອງຄົນລາວວ່າຄົນລາວມັກຊອບແບບໃດ?ຖ້າບໍ່ສຶກສາຄົ້ນຄວ້າໃຫ້ເຂົ້າໃຈລະອຽດ,ແມ່ນປົກຄອງໄປໄດ້ກໍເຫັນວ່າ
ແສນລໍາບາກ,ຊິຍົກຕົວຢ່າງໃຫ້ເບີ່ງໃຫ້ຟັງ : ໃນທ້ອງປີ1970ຫຼື1971ນີ້ລະ...ຢູ່ຫຼັງໂຮງການລັດຖະບານຄຸ້ມໂພນໄຊເປັນຊຸມຊົນ
ແອອັດ ລັດຖະບານປະກາດໃຫ້ທຸກໆຄອບຄົວທີ່ອາສັຍຢູ່ໃນຄຸ້ມນັ...້ນຍົກຍ້າຍອອກໜີໂດຍໃຫ້ຄ່າຊົດເຊີຍແຕ່ລະຄອບຄົວຕໍ່າສຸດ
50,000ກີບ(ຫ້າສິບພັນກີບ)ບາງຄອບຄົວກໍໄດ້80,90ພັນກີບ.ຄອບຄົວພໍ່ແມ່ຂອງ ຜຂ ໄດ້80ພັນກີບ ໄປຊື້ດີນເປົ່າຫວ່າງຢູ່ຄຸ້ມ
ບ້ານສະພານທອງເໜືອ50ພັນກີບ ຄວາມກວ້າງຂອງດິນ40ແມັດມົນທົນ(ຜຂ ຍັງບໍ່ຮູູ້ດີປານໃດຊໍ້າກ່ອນໜີມາ)ຫາແຕ່ມາຮູ້ຕອນ
ປະກາດຂາຍຫວ່າງ10ປີຫຼັງໆຈາກພໍ່ແມ່ຕາຍພວກອາ້ຍນ້ອງທີ່ຍັງມີຊີວິດຢູ່ກໍໄດ້ມາຂາຍແບ່ງປັນກັນ ຄົນທີ່ຊື້ກໍແມ່ນອ້າຍແມ່ນນອ້ງ
ຮ່ວມອຸທອນດຽວກັນຂາຍໃນຣາຄາ6,5000 ດອນລາ ຖ້າຂາຍໃຫ້ຄົນອື່ນອາດແພງກວ່ານັ້ນບໍ່ຈັກ ! ຄອບຄົວທີ່ຖືກທາງການສັ່ງ
ໃຫ້ຍົກຍ້າຍອອກບໍ່ມີໃຜຈົ່ມວ່າຈັກຄົນ ມີຄວາມພໍໃຈຊໍ້າທີ່ພວກເຂົາຈະໄດ້ເງີນພຽງພໍສໍາຣັບທີ່ຈະໄປຊອກຫາທີ່ຢູ່ໄໝ່...ຄິດເບີ່ງ
ແຕ່ວ່າເງີນ80ພັນກີບຊື້ດິນໄດ້ເປັນໄລ່ເຫຼືອອີກ30ພັນກີບຍັງສາມາດຊື້ໄມ້ຊື້ສັງກະສີມາສົມທົບໃສ່ກັບໄມ້ທີ່ມ້າງອອກມາຈາກເຮືອນ
ຫຼັງເກົ່າມາປຸກໄໝ່ກວ້າງຂວາງກວ່າເກົ່ານັ້ນອີກ...ເປັນແບບນີ້ກາແຫ່ງຂອບໃຈຊໍ້າລະບໍແນວວ່າສົ່ງເສີມໃຫ້ມີວິຖີຊີວິດທີ່ດີຂື້ນກວ່າ
ເດີມ,ສົມທຽບໃສ່ກັບພັກລັດແລ້ວມັນທຽບກັນບໍ່ໄດ້ເລີຍ!ມັນໜ້າສົມເພດເວດທະນາເອົາແທ້ໆ, ມາເວົ້າຄືນເລື້ອງຄ່າຊົດເຊີຍ
ຖ້າເຮົາເຮັດແບບມີຄວາມຍຸຕິທັມມັນກາບໍ່ມີບັນຫາຫຍັງທຸກສິ່ງຢ່າງມັນກາລົງເອີ່ຍໄປໃນທາງສ້າງສັນພໍໃຈກັນທຸກກໍ້າທຸກຝ່າຍ
ຖ້າເຮັດແບບມີລັບລົມຄົມໃນມັນກາຄືວ່າຫັ້ນແລ້ວ !ນາຍທືນເຂົາສເນີໃຫ້ແມັດກາເຣນື່ງ100ດອນລາແລ້ວເອົາມາໃຫ້ເຂົາພຽງແຕ່
ແມັດກາເຣນື່ງ20ດອນລາ ,ແມ່ນໃຜຊິຢາກໄປຊື້ທີ່ດິນຢູ່ຈອມພູເຂົາຄວາຍແລະເງິນຊໍ່ານັ້ນຖ້າຊື້ໄດ້ໃນເຂຕທີ່ອ່າວໄຄແດ່ຫນ້ອຍນື່ງ
ກາອາດຈະເປັນເຂຕປ່າຊ້າຫຼຸມຝັງສົບແຖວໆຫຼັກ62ທາງໄປໂພນໂຮງພຸ້ນລະເດີ້ ! ຢ່າໃຫ້ມັນໂພດເກີນໄປລູກເຕົ້າເຂົາຫ່າງໄກ
ຈາກໂຮງຮໍ່າໂຮງຮຽນໄດ໊ ! ອັນນີ້ລະຄືພຶດຕິກັມຂອງພວກໂຈນ...ທ່ຽວຊອກຫານາຍທືນຜູ້ມີເງິນທີ່ສົນໃຈໃຫ້ມາລົງທືນໃນລາວ
ມັກບ່ອນໃດຫາໃຫ້, ໃຜຊິເສັຽໃຈຜິດໃຈນັ້ນພັກລັດບໍ່ໃຫ້ເປັນຫ່ວງພັກລັດມີຄຸກມີປືນເປັນເຄື່ອງມືສໍາຣັບແກ້ໄຂບັນຫາທີ່ຈະຕາມມາ
ມັນຕັ້ງບັດສົບອີ່ຫຼີ

ນັບຖື

ສ. ດວງມາລາ

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 239
Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

ເພີ່ນນີ້ຊົງຊິຄຽດແຮງ ອົດເອົາອົດເອົາຢູ່ບໍ່ຮອດ100ປີດອກໃຜກະດີ ເສຍແລ້ວເສຍໄປ ປ່ອຍວາງປ່ອຍວາງ
.......................
ຍາລຸງພູທອນແລະ ທຸ ກທ່ານສະມາຊິກພາສາລາວ
ແວບໄຊທີ່ນັບຖື

ຜູ້ນໍາພັກລັດຍັງຈະຕ້ອງໄດ້ສຶກສາຮໍ່າຮຽນແລະຄົ້ນຄວ້າຕື່ມອີກໃຫ້ຫຼາຍໆເທົ່າທີ່ຈະຫຼາຍໄດ້ເພື່ອໃຫ້ເຂົ້າໃຈເຖີງອຸປະນິດສັຍ
ແລະວິຖີຊີວິດຂອງຄົນລາວວ່າຄົນລາວມັກຊອບແບບໃດ?ຖ້າບໍ່ສຶກສາຄົ້ນຄວ້າໃຫ້ເຂົ້າໃຈລະອຽດ,ແມ່ນປົກຄອງໄປໄດ້ກໍເຫັນວ່າ
ແສນລໍາບາກ,ຊິຍົກຕົວຢ່າງໃຫ້ເບີ່ງໃຫ້ຟັງ : ໃນທ້ອງປີ1970ຫຼື1971ນີ້ລະ...ຢູ່ຫຼັງໂຮງການລັດຖະບານຄຸ້ມໂພນໄຊເປັນຊຸມຊົນ
ແອອັດ ລັດຖະບານປະກາດໃຫ້ທຸກໆຄອບຄົວທີ່ອາສັຍຢູ່ໃນຄຸ້ມນັ...້ນຍົກຍ້າຍອອກໜີໂດຍໃຫ້ຄ່າຊົດເຊີຍແຕ່ລະຄອບຄົວຕໍ່າສຸດ
50,000ກີບ(ຫ້າສິບພັນກີບ)ບາງຄອບຄົວກໍໄດ້80,90ພັນກີບ.ຄອບຄົວພໍ່ແມ່ຂອງ ຜຂ ໄດ້80ພັນກີບ ໄປຊື້ດີນເປົ່າຫວ່າງຢູ່ຄຸ້ມ
ບ້ານສະພານທອງເໜືອ50ພັນກີບ ຄວາມກວ້າງຂອງດິນ40ແມັດມົນທົນ(ຜຂ ຍັງບໍ່ຮູູ້ດີປານໃດຊໍ້າກ່ອນໜີມາ)ຫາແຕ່ມາຮູ້ຕອນ
ປະກາດຂາຍຫວ່າງ10ປີຫຼັງໆຈາກພໍ່ແມ່ຕາຍພວກອາ້ຍນ້ອງທີ່ຍັງມີຊີວິດຢູ່ກໍໄດ້ມາຂາຍແບ່ງປັນກັນ ຄົນທີ່ຊື້ກໍແມ່ນອ້າຍແມ່ນນອ້ງ
ຮ່ວມອຸທອນດຽວກັນຂາຍໃນຣາຄາ6,5000 ດອນລາ ຖ້າຂາຍໃຫ້ຄົນອື່ນອາດແພງກວ່ານັ້ນບໍ່ຈັກ ! ຄອບຄົວທີ່ຖືກທາງການສັ່ງ
ໃຫ້ຍົກຍ້າຍອອກບໍ່ມີໃຜຈົ່ມວ່າຈັກຄົນ ມີຄວາມພໍໃຈຊໍ້າທີ່ພວກເຂົາຈະໄດ້ເງີນພຽງພໍສໍາຣັບທີ່ຈະໄປຊອກຫາທີ່ຢູ່ໄໝ່...ຄິດເບີ່ງ
ແຕ່ວ່າເງີນ80ພັນກີບຊື້ດິນໄດ້ເປັນໄລ່ເຫຼືອອີກ30ພັນກີບຍັງສາມາດຊື້ໄມ້ຊື້ສັງກະສີມາສົມທົບໃສ່ກັບໄມ້ທີ່ມ້າງອອກມາຈາກເຮືອນ
ຫຼັງເກົ່າມາປຸກໄໝ່ກວ້າງຂວາງກວ່າເກົ່ານັ້ນອີກ...ເປັນແບບນີ້ກາແຫ່ງຂອບໃຈຊໍ້າລະບໍແນວວ່າສົ່ງເສີມໃຫ້ມີວິຖີຊີວິດທີ່ດີຂື້ນກວ່າ
ເດີມ,ສົມທຽບໃສ່ກັບພັກລັດແລ້ວມັນທຽບກັນບໍ່ໄດ້ເລີຍ!ມັນໜ້າສົມເພດເວດທະນາເອົາແທ້ໆ, ມາເວົ້າຄືນເລື້ອງຄ່າຊົດເຊີຍ
ຖ້າເຮົາເຮັດແບບມີຄວາມຍຸຕິທັມມັນກາບໍ່ມີບັນຫາຫຍັງທຸກສິ່ງຢ່າງມັນກາລົງເອີ່ຍໄປໃນທາງສ້າງສັນພໍໃຈກັນທຸກກໍ້າທຸກຝ່າຍ
ຖ້າເຮັດແບບມີລັບລົມຄົມໃນມັນກາຄືວ່າຫັ້ນແລ້ວ !ນາຍທືນເຂົາສເນີໃຫ້ແມັດກາເຣນື່ງ100ດອນລາແລ້ວເອົາມາໃຫ້ເຂົາພຽງແຕ່
ແມັດກາເຣນື່ງ20ດອນລາ ,ແມ່ນໃຜຊິຢາກໄປຊື້ທີ່ດິນຢູ່ຈອມພູເຂົາຄວາຍແລະເງິນຊໍ່ານັ້ນຖ້າຊື້ໄດ້ໃນເຂຕທີ່ອ່າວໄຄແດ່ຫນ້ອຍນື່ງ
ກາອາດຈະເປັນເຂຕປ່າຊ້າຫຼຸມຝັງສົບແຖວໆຫຼັກ62ທາງໄປໂພນໂຮງພຸ້ນລະເດີ້ ! ຢ່າໃຫ້ມັນໂພດເກີນໄປລູກເຕົ້າເຂົາຫ່າງໄກ
ຈາກໂຮງຮໍ່າໂຮງຮຽນໄດ໊ ! ອັນນີ້ລະຄືພຶດຕິກັມຂອງພວກໂຈນ...ທ່ຽວຊອກຫານາຍທືນຜູ້ມີເງິນທີ່ສົນໃຈໃຫ້ມາລົງທືນໃນລາວ
ມັກບ່ອນໃດຫາໃຫ້, ໃຜຊິເສັຽໃຈຜິດໃຈນັ້ນພັກລັດບໍ່ໃຫ້ເປັນຫ່ວງພັກລັດມີຄຸກມີປືນເປັນເຄື່ອງມືສໍາຣັບແກ້ໄຂບັນຫາທີ່ຈະຕາມມາ
ມັນຕັ້ງບັດສົບອີ່ຫຼີ

ນັບຖື

ສ. ດວງມາລາ


ໂອຍ! ນໍບາດນີ້ ສາມາເອີ້ນຂ້ານ້ອຍວ່າຍາລຸງນໍບາດນີ້ ອາຍຸສັ້ນຄັກໆ

ກະພໍຊິເຫັນໃຈຢູ່ດອກ ແຕ່ກະມັນເປັນໄປແລ້ວເວລາລ່ວງເລີຍມາຕັ້ງແຕ່1970ພຸ້ນນະ

ຂ້ານ້ອຍໄດ້ຍິນປູ່ວ່າເງິນ10ກີບກະຍັງພໍຊິຫາຊື້ງົວມາຂ້າກິນໄດ້ເສີຍ

ຢ່າສຸດ່າໃຫ້ເດັກນ້ອຍເຫັນດີກວ່າເບາະ



__________________

ສາມັນຊົນ

Anonymous

Date:
Permalink Closed

พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ศึกร่มเกล้า!!!

สมจิตต์ ชมะนันทน์ นามเดิม "พญา อินทรีบางเขน" พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ขณะติดยศพันโท ดำรงตำ แหน่งผู้บังคับการกองพันทหารราบ นำ ผู้ใต้บังคับบัญชาในสงครามเกาหลี จนองค์การ สหประชาชาติ ขนานนามให้เป็น "กองพันพยัคฆ์น้อย" เจรจาสร้างสันติภาพยุติศึก เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการหย่า ศึกร่มเกล้า ระหว่างไทย-ลาว เมื่อปี 2531!!!
การ ศึกครั้งนั้นถ้าไม่มี เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ สงครามที่ยืดเยื้อนานถึง 3 เดือน อาจจะไม่ยุติได้ง่าย และสันติภาพไทย-ลาว อาจจะยังไม่ชื่นมื่นมาถึงวันนี้!
ร่มเกล้า ศึกชิงดินแดนไทย-ลาว ด้านบ้านร่มเกล้า อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก กับบ้านนาบ่อน้อย อ.บ่อแตน จ.ไชยะบุรี ของลาว
เกิด ขึ้นเพราะเหตุใด ฝ่ายลาวอ้าง ปลายเดือนมิถุนายน 2530 มีกองกำลังทหารไทยส่วนหนึ่ง เข้าไปเป็นกองกำลังคุ้มครองพ่อค้าไม้เถื่อน ที่เข้าไปลักลอบตัดไม้ในดินแดนประเทศลาว แล้วส่ง กลับเข้ามาขายในไทย!!!

ส่วน ทางการไทย ไม่มีการแถลงชัด บอกได้แต่เพียงว่า น่าจะมาจาก 3 สาเหตุ 1. เป็นแผนเวียดนาม ยุยงให้เตรียมบุกรุกยึดครองภาคอีสานของไทย 2. เวียดนามไม่ต้องการให้ไทย-ลาว รัก ใคร่สมานฉันท์ ด้วยเกรงจะทำให้อุดมการณ์ คอมมิวนิสต์ ในลาวเสื่อม!!!
3. พื้นที่ลาวในบริเวณนี้เป็นเขตอิทธิพลนายพลวังเปา ลาวขวา ต้อง การล้มล้างการปกครอง รัฐบาลฝ่ายซ้ายของลาว ตั้งกองกำลังบุกรุกดินแดนไทย!

18 พ.ย.2530 ทหารไทยลาดตระเวน ไปถูกกับระเบิดลาวเสียชีวิต นับแต่นั้น ศึกร่มเกล้า ก็เกิดขึ้น!
ใครจะผิดจะถูก!!! เหตุการณ์ผ่านเลยมานาน แต่ที่รู้กัน สงคราม ร่มเกล้า มี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการ ทหารบก!
หลายสถานการณ์ในสงครามร่มเกล้าหลายคนยังพอจำได้ ฝ่ายไทยหน้า แตกขนาดหมอไม่รับเย็บ!!!

ถ้า ไม่มี พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นเป็นนายทหารนอกราชการ อำนาจวาสนาแค่ ส.ส.ร้อยเอ็ด และหัวหน้าพรรคชาติประชาธิปไตย หน้าตาเมืองไทย อาจจะแตกยับไปมากกว่านี้!!!
ขณะ ศึกร่มเกล้า เริ่มปะทุ ฝ่ายทหารได้มาขอคำปรึกษาจาก "พญาอินทรี บางเขน" เพื่อหา ทางยุติศึกที่อาจจะบานปลาย กลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ จากพื้นฐาน ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.เกรียงศักดิ์เป็นผู้เริ่มต้นสร้างสัมพันธ์อันดีกับลาว!
รัฐบาล ก่อนหน้านั้น ดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศผิดพลาด สร้างปัญหากระทบกระ ทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เนื่องจากดำเนิน นโยบายแบบขวาตกขอบ
นโยบายนี้ มีผลให้ไทย-ลาว มีปัญหากรณีเรือ นปข.!!!

เมื่อ พล.อ.เกรียงศักดิ์ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีการรื้อฟื้นสัมพันธไมตรีกับลาวใหม่ มีการ เดินทางไปเยือนลาวอย่างเป็นทางการ และเชิญ ฯพณฯ ไกสอน พมวิหาน นายกรัฐมนตรี ลาว มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
หลังการแถลงการณ์ร่วมกัน เมื่อปี 2522 สัมพันธภาพระหว่างไทย-ลาว ที่เสื่อมทราม ก็เริ่มดีขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง!
คำ แนะนำจาก "อินทรีบางเขน"ของฝ่ายทหารไทย ได้ข้อสรุปเบื้องต้น จะยุติศึกร่มเกล้าได้ ต้อง ให้ทหารทั้งฝ่ายไทย-ลาว มาจับเข่าคุยกัน ปรับความเข้าใจ
นายวงศ์ พลนิกร อดีต ส.ส.หนองคาย ซึ่งมีความสนิทสนมกับ พล.อ.เกรียงศักดิ์ และคุ้นเคย กับฝ่ายลาว จึงได้รับมอบหมายให้เป็นทูตเดินทางไปเจรจา!

ผล...ผู้นำทหารลาวยินดีจะเจรจา ในเงื่อนไขให้ทหารไทยไปเจรจาที่นครเวียงจันทน์
แต่ ขณะนั้นศึกร่มเกล้าทวีความรุนแรง ถึงขั้นใช้อาวุธหนัก ปืนใหญ่ เครื่องบินทิ้ง ระเบิด ผู้นำทหารไทยไม่แน่ใจในการที่จะเดินทางไปเจรจาที่ลาว
วัน ที่ 6 ม.ค. 2531 พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ส่งสารด่วนถึงผู้นำลาว ในฐานะที่เป็นผู้ร่วม ลงนามในแถลงการณ์ร่วมกัน เมื่อปี 2522 ผ่านเอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย เพื่อยืนยันความต้องการปรับความเข้าใจของฝ่ายไทย...อีกครั้ง!

พร้อมกับสาร ทูตส่วนตัวของพลเอกเกรียงศักดิ์ได้เดินทางไปเจรจากับผู้นำทหารลาว ฝ่ายลาวยัง ยืนยันให้ฝ่ายไทยไปเจรจาที่เวียงจันทน์เหมือนเดิม!
ถ้าผู้นำทหารไทยเดินทางมาเองไม่ได้ ส่งผู้แทนฝ่ายไทยชั้นสูงซึ่งมีอำนาจเต็มไปก็ได้
ฝ่ายไทยยังคงยืนยัน ผู้นำทหารลาวต้องมาเจรจาที่กรุงเทพฯ หรือจังหวัดชาย แดนก็ได้....

ฝ่ายลาวก็ยังยืนยันคำเดิม!!!
ระหว่าง การเจรจาศึกร่มเกล้ารุนแรงยิ่งขึ้น หลายฝ่ายเกรงว่า แนวรบจะขยายเป็นสงครามใหญ่ หากผู้นำทหารทั้งสองฝ่ายยังคงตั้งแง่ไทยไม่ยอมไปลาว ลาวไม่ยอมมาไทย!!!

สถานการณ์ขั้นนี้ "พญาอินทรี"ตัดสินใจบินเข้าลาวด้วยตัวเอง!!!

ผมตกลงไปนี่ ต้องการจะสงวนชีวิตลูกหลานไทย ที่จะต้องสูญเสียไปโดยไม่จำเป็นอีกจำนวน เท่าไรก็ไม่ทราบ!!!
พญา อินทรีบางเขน เปิดใจภายหลัง วิตกว่าการรบพุ่งระหว่างไทย-ลาว ขยายกลายเป็นสงคราม ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดจีน จึงตัดสินใจไปลาว
ไปในฐานะส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมืองหรือหวังอะไรทั้งสิ้น!

พล. อ.เกรียงศักดิ์บินเข้าลาวเย็นวันที่ 6 ก.พ.2531 ไปถึงวันรุ่งขึ้นเจรจากับผู้นำทหารลาว อีกวัน เจรจากับผู้นำประเทศลาว ได้ผล...ฝ่ายลาวยินดีที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ ในวันที่ 16 ก.พ. 2531
แม้ การเจรจาหาข้อยุติสงครามเริ่มต้นขึ้นได้ แต่ข้อยุติก็ไม่ง่าย วันแรกไม่มีความคืบหน้า วันที่ สอง การเจราครึ่งเช้ายังไม่ลงตัวเรื่องระยะทางที่จะแยกทหารออกจากแนวสู้ เนื่องจากฝ่ายไทย ต้องการให้ถอยห่างมา 3 กม. ฝ่ายลาวต้องการ 2 กม.!!!
"พญาอินทรี" ติดตามผลการเจรจาที่บ้านพักบางเขน.....

เที่ยง วันนั้น มีการเชิญผู้นำทหารฝ่ายลาวมารับประทานอาหารกลางวัน ด้วยอา หารมิตรภาพ ข้าวปุ้น ไก่ย่างส้มตำ และอาหารสำคัญที่ขาดไม่ได้ สูตรเฉพาะของ"พญาอินทรี" แกงเขียวหวานเนื้อใส่บรั่นดี
เมนูอาหารลือลั่น ที่นักข่าวยุคนั้นจำนวนไม่น้อยเคยลิ้มลอง!

พร้อม กัน มีการเชิญอดีตรัฐมนตรีที่เคยเดินทางไปสร้างสัมพันธ์อันดีกับลาวเมื่อครั้ง เจ้าของบ้าน เป็นนายกรัฐมนตรี บรรยากาศความสัมพันธ์อันชื่นมื่นในวันเก่าๆได้หวนกลับมา เจ้าของบ้านจับ มือผู้นำทหารลาวแนบแน่น ขณะกล่าวว่า.....
ข้อยเข้าใจ เห็นใจในความหนักใจ และความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของท่าน แต่เมื่อนึกถึง คำพูดที่ผู้นำของท่านได้กล่าวต่อหน้าท่านในระหว่างที่มีการปรึกษาหารือกัน ว่า เราต้องช่วยกัน ยุติสงครามระหว่างพี่น้องไทย-ลาวครั้งนี้ให้ได้!
ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีความเด็ดเดี่ยว หากจะมีสิ่งใดที่เล็กๆ น้อยๆ ยังเป็นอุปสรรคอยู่ ก็ควรจะ ต้องปล่อยไว้ก่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ทั้งสองฝ่ายปรารถนาคือ การยุติสงครามให้ได้โดยเร็วที่สุด!
ส่วนเส้นแนวเขตและระยะทางเพื่อแยกกำลังทหารออกจากกันนั้นเป็นเพียง การ สมมติขึ้น เพื่อให้การหยุดยิงเป็นผลสำเร็จเท่านั้น

ข้อย เชื่อว่าผู้นำทางการเมือง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็คงจะเห็นด้วยกับ ประเด็นนี้ แม้จะมีข้อเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์บ้าง
การเจรจารอบบ่ายเริ่มขึ้น.....สี่โมงเย็นโทรศัพท์ในบ้านบางเขนดังขึ้น แจ้งมาว่า การเจรจาตกลง กันได้ 2 เรื่อง

1. จะเริ่มหยุดยิง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 19 ก.พ. 5231
2. ทั้งสองฝ่ายจะแยกกำลังทหารออกจากแนวสู้รบออกไปฝ่ายละ 3 กม. ภายใน 48 ชม. นับแต่ เวลาเริ่มหยุดยิง

ผลการเจรจาคืบหน้ามาถึงขั้นนี้ คนใกล้ตัวเล่าว่า "อินทรีบางเขน" วางหูโทรศัพท์ แล้วก็ตะโกนลั่น!!!
สำเร็จแล้ว!!! สำเร็จแล้ว!!! เราดับไฟสงครามไทย-ลาว ได้แล้ว!!!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ยุทธการ บ้านร่มเกล้า!!!

สงคราม บ้านร่มเกล้าเกิดจากกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ บ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก อันเนื่องมาจากปัญหาเส้นเขตแดนที่อ้างสนธิสัญญาคนละฉบับ!!!
ลาวได้ส่ง กำลังทหารเข้ามายึดพื้นที่ส่วนที่เป็นปัญหา ไทยส่งกำลังทหารเข้าผลักดัน เกิดการปะทะกันด้วยกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างหนักหน่วงในช่วงเดือนธันวาคม 2530 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2531 มีการหยุดยิงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531
เหตุการณ์เกิดขึ้นใน ช่วงปลายของยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ทั้งนี้โดยมีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 15 ปี มีผู้ใช้เรื่องนี้กล่าวหาพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในทางดูถูกดูแคลน
ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว เชื่อว่าสงครามร่มเกล้าครั้งนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธได้รับราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นมหาโยธิน!
ความจริง ถ้าคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าผู้ที่ได้รับราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมี ศักดิ์รามาธิบดีนี้จะต้องดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแช่คมหอกคมดาบและผ่านพิธี โองการแช่งน้ำ ในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาดาราม วัดพระแก้ว ซึ่งก็คือการดื่มน้ำถวายสัตย์สาบานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่นายทหารและข้าแผ่นดิน ข้อกล่าวหาทั้งหลายก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น!
แต่หลายปีมานี้พล .อ.ชวลิต ยงใจยุทธก็ดี กองทัพไทยก็ดี ต่างไม่ปริปากพูดถึงเรื่องนี้ ยอมกลืนเลือดข่มกล้ำความเจ็บช้ำน้ำใจที่อาจจะมีอยู่บ้างไว้ เชื่อว่า เหตุผลหนึ่งก็เพื่อไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ !
ทำ ให้นักฉวยโอกาสเหยียบย่ำซ้ำเติมมาโดยตลอด
สงครามบ้านร่มเกล้าไม่น่า จะเป็นเพียงไทยรบกับลาว หากแต่มีเวียดนามยืนอยู่เบื้องหลัง! เป็นจุดล่อแหลมครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย
ความลับที่ไม่เคยเปิด เผยคือไทยได้รับความช่วยเหลือจากจีนในครั้งนั้นด้วย !!
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ของบ้านร่มเกล้าเสียก่อน
ตาม สนธิสัญญา ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2451 กำหนดให้ลำน้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส แต่ปีถัดมาพนักงานสำรวจทำแผนที่พบว่ามีน้ำเหือง 2 สาย ฝรั่งเศสตัดสินเอาเองโดยไม่ได้แจ้งให้กรุงเทพฯทราบ เลือกสายน้ำที่ทำให้ตนได้ดินแดนมากขึ้นหน่อย ลาวรับช่วงถือเขตแดนนี้ !
แต่ ลำน้ำเหือง 2 สายนั้นไม่ตรงกับแนวลำน้ำในปัจจุบันที่ปรากฏในแผนที่สหรัฐทำให้รัฐบาลไทย ช่วงสงครามเวียดนาม ลำน้ำในปัจจุบันเรียกว่าเหืองป่าหมัน ไม่ใช่ชื่อที่เคยปรากฏในเอกสารใด ๆ เมื่อพ.ศ. 2450 - 2451
เขตแดน ตรงนั้นไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งปี 2530 ลาวอ้างว่าบริเวณบ้านร่มเกล้าเป็นของลาว เนื่องจากแผนที่คนละฉบับกับไทย ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในการสำรวจเมื่อปี 2450
ช่วงปี 2510 - 2520 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย พคท. เคลื่อนไหวรุนแรงที่จะยึดอำนาจรัฐ พื้นที่ติดต่อเขตลาวในเขตนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าม้ง ถูกใช้เป็นพื้นที่หลบซ่อนและปฏิบัติการ เพราะสามารถข้ามลำน้ำเหืองเข้ามาในเขตไทยได้ง่าย และบริเวณพื้นที่นี้กลายเป็นยุทธบริเวณอันสำคัญระหว่างทหารกับพคท.
ชาว ม้ง ซึ่งเป็นแนวร่วมสำคัญของพคท. ถูกปราบปรามอย่างหนัก หนีข้ามลำน้ำเหืองเข้าไปในเขตลาว
ช่วง ปี 2525 สถานการณ์ในอินโดจีนเปลี่ยนแปลง ประกอบกับนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาลไทยคือใช้ยุทธศาสตร์ การเมืองนำทหาร ทำให้ชาวม้งตัดสินใจกลับเข้ามาตามโครงการเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กองทัพภาคที่ 3 ได้ตัดถนนสายยุทธศาสตร์และแนวชายแดนจากอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ขึ้นไปสิ้นสุดที่บ้านร่มเกล้า
กลายเป็นเขตสัมปทานป่าไม้ มีการจัดตั้งชุดทหารพรานคุ้มครองที่ 3405 ขึ้น
และนั่นคือจุดเริ่ม ต้นของปัญหา !
วัน ที่ 31 พฤษภาคม 2530 ทหารลาวยกกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าอยู่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ทำลายรถแทรกเตอร์ของบริษัทป่าไม้เอกชนเสียหาย 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 คน หายสาบสูญ 1 คน ทหารพรานชุด 3405 เข้าปะทะกับทหารลาว
วัน ที่ 1 มิถุนายน 2530 ทหารลาวเข้าโจมตีม้งที่บ้านร่มเกล้า โดยอ้างว่าเป็นการกวาดล้างม้งที่เคลื่อนไหวต่อต้านทางการลาว และมีทหารลาวอีกชุดหนึ่งยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาที่เขตบ้านนาผักก้าม และบ้านนากอก อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ยิงราษฎรไทยตาย 1 คน จับกุมตัวไป 6 คน หนีรอดมา 1 คน โดยกล่าวหาว่าราษฎรเหล่านั้นลักลอบเข้าไปตัดไม้ในลาว
ขณะ นั้นสหรัฐเผ่นออกไปจากเอเชียแล้ว ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้ในเวียดนาม ทางอีสานใต้มาถึงตะวันออกกองพลใหญ่ของเวียดนามจ่อคอหอยอยู่ ทางอีสานเหนือภายใต้ชื่อทหารลาว แต่ความจริงน่าจะเป็นกองกำลังผสมของหลายชาติ โดยมีชาติมหาอำนาจยืนทะมึนอยู่ข้างหลัง ทั้งได้ใช้เทคโนโลยีสูงยิ่งในการบัญชาการ
ยามนั้นกองทัพไทยปกป้อง เอกราชอธิปไตยจนแม้กระสุนปืนใหญ่ก็ไม่เหลือ ที่ระดมมาจากมิตรประเทศในอาเชียนก็หมดสิ้น
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธสั่งการให้อดีตทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ พ.อ.อมรรัตน์ จินตกานนท์ ร่วมกับ “คณะทำงานลับ” คนหนึ่ง และทีมงานของเขา ติดต่อประสานงานกับกองทัพจีน!!!
นำไปสู่กระบวนการ “วิธีการพิเศษ” ลำเลียงทั้งปืนใหญ่และกระสุนจากจีนมาใช้ !!!
ปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่ ชุดนั้นมีความหมาย 2 นัย นัยแรกตรงไปตรงมา คือเป็นยุทโธปกรณ์เสริมและทดแทน นัยที่สองที่อาจจะสำคัญกว่าก็คือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ “สาส์น” ที่ต้องการ “สื่อ” ต่อฝ่ายตรงกันข้าม
ลักษณะ กระสุนชนิดใหม่ที่ถูกยิงออกไปทำ ให้เกิดความเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไทยไม่ได้รบโดยโดดเดี่ยวแล้ว จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการเจรจา และถอนทหารออกจากแนวรบ
อาจกล่าว ได้ว่าเป็นชัยชนะโดยไม่ต้องรบ
แน่นอนว่าวิถีทางในการรักษาเอกราช อธิปไตยของชาตินับแต่ประวัติศาสตร์มา คือ วิถีทางการทูต และวิถีทางการทหาร ต้องใช้วิธีทั้งสองตามสถานการณ์ และอย่างพลิกแพลง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ใช้แต่ทางใดทางหนึ่ง คำพูดที่ว่า “สู้ตาย” เป็นเรื่องเหลวไหลที่นักการทหารชั้นยอดจะไม่ยอมใช้ เพราะเขาใช้แต่คำว่าสู้เพื่อชนะ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์
เป้า หมายทางยุทธศาสตร์ของไทยคือการรักษาเอกราชอธิปไตยของไทยโดยไม่ให้บอบช้ำต่อ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
หลัง จากเหตุการณ์ร่มเกล้าแล้ว ความจริงคนไทยควรจะได้รู้ว่าใครคือมิตรแท้!!! แต่การนำความจริงมาเปิดเผยในบางสถานการณ์ย่อมไม่เป็นผลดี เช่น สมมติว่าในช่วงนั้นประกาศให้รู้ทั่วกันว่าไทยไม่ได้รบกับลาวประเทศเดียว ก็เสมือนเท่ากับประกาศสงครามกับเวียดนามและสหภาพโซเวียตโดยตรง มีหรือที่ศึกจะไม่ใหญ่ขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบต่อเอกราชอธิปไตยของชาติ
เมื่อตอบ คำถามนี้ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องกล่าวว่า เป็นโชคดีของประเทศไทยที่พคท.กับเวียดนามและลาวเข้ากันไม่ได้ ขณะเดียวกันจีนก็หันมาสัมพันธ์กับไทยในลักษณะรัฐต่อรัฐ มากกว่าพรรคต่อพรรค
นี่ เป็นผลส่วนหนึ่งจากที่การที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเดินทางไปเจรจาความเมืองกับเติ้งเสี่ยวผิงในขณะนั้น !

1.. มีมหาอำนาจมาช่วยลาวรบจริง
2.. ด้วยเทคโนโลยี จาก มหาอำนาจ ทำให้เขาเหนือกว่าเราในช่วงแรกของสงคราม เป็นต้นว่า
เขามี เรดาห์ซึ่งสามารถจับ วิธีการยิงปืนใหญ่ของเราได้ ดังนั้นเราจึงต้อง ย้ายที่ตั้งปืนใหญ่ทันทีเมื่อยิงเสร็จ
3.. เรื่อง อาวุธจากจีนนั้น ว่าคงเป็นแค่ประเด็นเสริม
4.. จริง ๆ แล้ว เพราะว่า ทางไทยได้ส่งหน่วย รบพิเศษ ไปปฏิบัติการในแนวหลังของฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะสงครามกองโจร
ทำให้ ฝ่ายตรงข้ามเกิดวิกฤตขึ้น เนื่องจากขาดการส่งกำลังบำรุง
5..จาก หัวข้อกระทู้ เบื้องหลัง....ไทยไม่ได้แพ้ สรุปได้ว่า จาก
ที่ได้ส่ง หน่วยรบพิเศษไปปฏิบัติการในแนวหลัง ของฝ่ายตรงข้าม
ทำให้ ทางลาว ต้องส่งผู้แทนมาเจรจา กับ ไทย เพื่อเจรจา ขอ สงบศึก ซึ่ง ในมุมมองของทางการเมืองและทหารแล้ว
ประเทศคู่สงครามประเทศใด ขอเจรจาก่อน หมายถึง ขอยอมแพ้แล้วนั่นเอง!!!
จากการปะทะกันระหว่างทหารไทย และลาวนั้น มีรายงานจากบางหน่วยแจ้งว่ามีฝ่ายลาวมีทหารต่างชาติบัญชาการรบ
อาจ เป็นคนรัสเซีย และถูกทหารไทยยิงตายไปหลายคนกองทัพไทยไม่ได้ให้ข้อมูลกับเรื่องนี้มากนัก จากการปะทะหลายครั้ง
บาง หน่วยรายงานว่า ทหารที่เข้าใจว่าเป็นทหารลาว บางคนพูดร้องสั่งการเป็นภาษาเวียดนาม คาดว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างเวียดนาม
และลาวที่รบกับไทย ในการรบที่บ้านร่มเกล้านี้จึงไม่ใช่กรณีพิพาทระหว่างไทยกับลาวธรรมดา
ระบบ อาวุธและการติดต่อสื่อสารในการรบที่ทางฝ่ายลาวใช้นั้น ทันสมัยมาก สามารถรู้พิกัดที่ตั้งปืนใหญ่ของไทย
และยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการรบกวนระบบการสื่อสารของทหารไทย ซึ่งกองทัพประชาชนลาวคงไม่มีระบบที่ทันสมัยอย่างนี้
ที่ตั้งบนเนิน ๑๔๒๘ มีการดัดแปลงการตั้งรับอย่างดี บังเกอร์เป็นคอนกรีต เสริมเหล็ก ลักษณะเป็นเนินเขาบีบแคบ
ในการเข้าตีต้องเข้าตีจากด้านหน้าอย่างเดียว ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบ หากจะต้องทำการรบในกรอบปกติ
๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าลาวมีความประสงค์ที่จะให้มีการเจรจาเพื่อปรับ ปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศขึ้น
เป็นครั้งที่ ๓ หลังจากการเจรจาสองครั้งที่ผ่านมาคือครั้งแรก ๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๐ ครั้งที่สอง ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๐
ประสพความล้มเหลว หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าทุก ๆ ครั้งที่ฝ่ายลาวเกิดการสูญเสียในการรบอย่างหนัก จะยื่นเจรจา
เพื่อให้ ทางไทยชะลอการรุก และทำการเสริมกำลังของฝ่ายลาว และปรับปรุงการตั้งรับ
๑๖ ธันวาคม ๒๕๓๐ กระทรวงการต่างประเทศลาวเชิญอุปทูตไทยเข้ารับบันทึกช่วยจำ มีเนื้อความว่า เครื่องบินไทยละเมิดน่านฟ้าลาว
และทำการทิ้งระเบิด พื้นที่แขวงไทรบุรีของลาว รวมทั้งมีการยิงปืนใหญ่ใส่บริเวณต่างๆของลาวอีกด้วย
สำหรับในกรณี นี้นั้นจากการวิเคราะหของหลายฝ่ายกล่าวว่า เนื่องจากเนิน ๑๔๒๘ เป็นที่ตั้งที่ดี การเข้าตีต้องเข้าตีจากด้านหน้า
ทางลาวตั้งฐานปืนใหญ่ ด้านหลัง ซึ่งเป็นแนวเขาซับซ้อน ยากต่อการค้นหา และยิงตอบกลับ ในช่วงนั้นมีข่าวว่า
กองทัพไทยประกาศว่าหากจะทำการบุกข้ามแม่น้ำโขงเข้า ไปก็ต้องทำหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งมีผู้ใหญ่หลายฝ่ายออกมามาปราม
ใน เรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้สถานการณ์รุนแรงจนกลายเป็นสงครามเต็มขั้นระหว่างไทยกับลาว
และ จากการรบในช่วงแรกที่ทางไทยเข้าตีตามกรอบคือเข้าทางด้านหน้าได้รับการต้าน ทานอย่างหนัก และยากต่อการเคลื่อนกำลัง
จึงมีการใช้เครื่องบินรบ เอฟ ๕ เข้าไปทิ้งระเบิดบนเนิน ๑๔๒๘ และที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในเขตลาว จนเสียหายยับเยิน เช่น
สนามบินบ้านน้ำทาของลาว จากภาพถ่ายทางอากาศเนิน ๑๔๒๘ ราบเป็นหน้ากลองไม่มีต้นไม่เหลืออยู่เลย เพราะถูกระดมยิงจากปืนใหญ่
และ การทิ้งระเบิดจากเอฟ ๕ แต่ทางลาวมีที่ตั้งแข็งแรง และเตรียมการตั้งรับอย่างดี บางรายงานกล่าวว่าเมื่อไม่สามารถเข้าไปตรง ๆ ได้
กองทัพไทย ได้ส่งหน่วยสงครามพิเศษ แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ของลาว เพื่อทำการโจมตีระบบส่งกำลังบำรุง และค้นหาที่ตั้งปืนใหญ่
ทำให้การ ปฏิบัติการของลาวถูกกดดันมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางการไทยได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการรบใหม่เนื่องจากมีการสูญเสีย กำลังพล
และไม่สามารถรุกคืบหน้าได้!!!
๒๑ มกราคม ๒๕๓๑ มีการปรับยุทธวิธีการสู้รบครั้งใหญ่ต่อยุทธการภูสอยดาว เพราะไทยเริ่มมีการสูญเสียมากขึ้น และเพื่อลดความสูญเสียดังกล่าว จึงมีการปรับปรุงยุทธการรบให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อยุทธภูมิที่เป็นอยู่ ทางไทยเริ่มมีการใช้การรบนอกแบบ และได้ผล สร้างความกดดันต่อการปฏิบัติการของฝ่ายลาวเป็นอย่างมาก!

๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ นายไกรสอน พรมวิหาร นายกรัฐมนตรีลาวได้ส่งสาสน์ถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีของไทย เสนอให้ทหารทั้งสองฝ่ายพบแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้โดยเร็ว ลาวพร้อมที่จะส่งคณะผู้แทนทหารมากรุงเทพมหานคร และยินดีที่จะต้อนรับคณะผู้แทนทหารของประเทศไทย ที่จะเดินทางไปนครเวียงจันทน์เพื่อปรึกษาหารือ
๑๒ ก.พ. ๓๑ ชุดรบผสมที่ ๑ ลาดตระเวนเฝ้าตรวจเส้นทาง ระหว่าง บ้าน นาหินใต้ ไปยังบ้านนาดง หลังจากนั้น ลาดตระเวนต่อไปพบ รถบรรทุกทหารลาว ประมาณ ๑๐๐ นาย พร้อม รถคุ้มกัน ๑ คัน
ชุดปฏิบัติการ ที่ ๒ วางระเบิดดักรถถังที่ เส้นทาง บ.กุ่มบ้าน , หนองหลวง , บ้านน้ำพุ ซึ่งคาดว่าเป็นเส้นทางการส่งกำลังบำรุง
๑๓ ก.พ. ระเบิดดักรถถังที่วางไว้ได้ผล รถส่งกำลังฝ่ายลาว เสียงระเบิดดังขึ้น เวลา ๑๔ ๐๐ น.
๑๕.ก.พ. ๓๑ ชุดรบผสมที่ ๒ ตรวจพบฐานปฏิบัติการของทหารลาว จึงได้ร้องของปืนใหญ่เพื่อทำลาย
๑๔. ก.พ. ๓๑ ชุดรบผสมที่ ๓ เฝ้าตรวจบริเวณ เนิน ๑๖๖๒ พื้นที่เป็นป่ารกทึบยากแก่การปฏิบัติการ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติการมากขึ้น
ชุด รบผสมที่ ๔ ได้ตรวจพบ คลังเก็บสิ่งอุปกรณ์ ฝ่ายตรงข้าม มีอาคาร ๓ หลัง โดยมีการระวังป้องกันที่ตัวอาคารเป็นอย่างดี
๑๕ ก.พ. ๓๑ เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นใกล้ เนิน ที่ชุดรบผสม เฝ้าตรวจอยู่ ชุด รบผสมที่ ๓ ได้ตรวจพบ ที่ตั้งปืนใหญ่ ๒ จุด , จึงได้รายงานและร้องขอการยิงเพื่อทำลาย
ชุด รบผสมที่ ๔ ชุดรบผสมที่ ๔ ปฏิบัติการ ซุ่มโจมตี ๒ จุด ตามเส้นที่ เข้า ออกจากคลัง
๑๖ ก.พ. ๓๑ ชุดรบผสมที่ ๑ ได้ปะทะ กับ กองหลอนประจำหมู่บ้าน ๑๑ นาย สบทบด้วยทหารเวียดนาม ๒ นาย และทหารลาว ๘ นาย ผลจาการปะทะ ฝ่ายตรงข้าม เสียชีวิต ๒ นาย จับ กองหลอน ได้ ๒ นาย ฝ่ายเรา เสียชีวิต ๒ นาย โดยที่หลังจากนั้น ชป. ๒ ต้องเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ โดยที่ ได้ร้องขอ การยิงสนับสนุน ของปืนใหญ่ให้ลงยัง ฐานลอย ที่ ตั้งไว้ หลังจากออกจากฐาน ๓๐ นาที ซึงคาดเวลาเป็นเวลาที่ กำลังส่วนใหญ่ของ ลาวคงตามมาถึงพอดี
ชุดรบผสมที่ ๒ แทรกซึมกลับ
ชุดรบผสมที่ ๔ ตรวจพบอาคารอีก ๓ หลัง ซึง คาดว่าเป็นที่พักของทหารที่มาสับเปลี่ยนกำลังหรือพักผ่อน จึงได้รายงานให้หน่วยเหนือทราบ
๑๗ ก.พ. ๓๑ ชป. ๑ ถอนตัวกลับ
ชุด รบ ผสมที่ ๔ วางระเบิดสังหารตามเส้นทาง เข้า จากบ้าน ดงตาล ไปยัง คลังเก็บสิ่งอุปกรณ์ โดยที่ระหว่างการวางระเบิดสังหาร ได้มีข้าศึกจำนวนหนึ่ง เคลื่อนที่มายังที่ที่ชุดกำลังวางระเบิด เนื่องจากชุดได้มีการวาง เคลย์โมในการระวังป้องกันอยู่แล้ว จึงได้ กดจุดระเบิดเคลย์โมทันที ทำให้ข้าศึกเสียชีวิตทันที และทำให้ต้องถอนตัวไปยังเนิน และร้องขอ ปืนใหญ่เพื่อทำการยิง ทำลายเป้าหมายดังกล่าว กระสุนที่ใช้ในงานนั้นประมาณ ๕๐ นัด และมีคำสั่งให้จบภารกิจทันทีหลังจากทำลายที่หมายดังกล่าวเรียบร้อย
ใน การปฏิบัติการของแต่ละชุดรบผสม ซึ่งในแต่ละชุดรบผสม ก็ได้แยก ออกเป็นชุดย่อย ไปอีกไปปฏิบัติการลาดตระเวนค้นหาพิสูจน์ทราบ วางระเบิด ซุ่มโจมตี มีบางชุดที่ อาจจะไปพบอะไรมาก บางชุด ก็แทบเอาชีวิตไม่รอด บางชุด ก็ประสบความสำเร็จ บางชุดก็มีการสูญเสีย คงไม่สามารถที่จะนำมาเล่ารายละเอียดได้ทั้งหมด แต่จากการปฏิบัติการในร่มเกล้า นอกจากหน่วยรบพิเศษจะมีความภาคภูมิใจอยู่เงียบ แล้ว ได้ให้ข้อคิด บทเรียนหลายอย่าง และนำมาซึ่งการสร้างหน่วยกำลังรบเดินดินที่มีความพร้อมรบสูงสุดในประเทศไทย
จุด ที่น่าสังเกตของเหตุการณ์ครั้งนี้

หลาย ฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากรณี พิพาทระหว่างไทยกับลาวครั้งนี้เป็นแรงผลักดันที่ลาวได้รับจากเวียดนามและ โซเวียต ซึ่งพยายามขัดขวางการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ และเป็นหนึ่งในแผนตัดขาดและยึดภาคอีสานของไทยตามยุทธการตัวL =Operation และรวมภาคอีสานของไทย ลาว เขมร เวียดนาม เป็นสหพันธ์อินโดจีน โดยมีเวียดนามเป็นผู้นำ!!!
ลักษณะภูมิประเทศรูปตัวแอลใหญ่คือพื้นที่ป่า ภูเขาบริเวณรอยต่อจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย ทอดตัวยาวลงมาทางใต้ตามแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ มาบรรจบกันบริเวณเขาใหญ่ บริเวณรอยต่อ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครนายก และจังหวัดสระบุรี ซึ่งทอดตัวยาวมาจากทิศตะวันตก ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก เขาบรรทัด เขากำแพง และบรรจบกันที่ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ใน ช่วงดังกล่าวบางรายงานแจ้งว่ามีทหารเวียดนามในลาวประมาณ ๖๐,๐๐๐ คน และในเขมรประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน ซึ่งอาจจะต้องการเปิดศึก ๒ ด้าน ให้ไทยพะว้าพะวงทั้งการรุกที่บ้านร่มเกล้าตีเจาะมาทางเหนือ และตีรุกเข้ามาที่ช่องบกทางใต้ เพื่อตัดและยึดภาคอีสาน เลยหากรณีมาอ้าง เพื่อทำการรบ
จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและลาวนั้น มีรายงานจากบางหน่วยแจ้งว่าฝ่ายลาวมีทหารต่างชาติบัญชาการรบ อาจเป็นคนรัสเซีย และถูกทหารไทยยิงตายไปหลายคน กองทัพไทยไม่ได้ให้ข้อมูลกับเรื่องนี้มากนัก จากการปะทะหลายครั้งบางหน่วยรายงานว่า ทหารที่เข้าใจว่าเป็นทหารลาว บางคนพูดร้องสั่งการเป็นภาษาเวียดนาม คาดว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างเวียดนามและลาวที่รบกับไทย ในการรบที่บ้านร่มเกล้านี้จึงไม่ใช่กรณีพิพาทระหว่างไทยกับลาวธรรมดา
๒.๑.๖ ระบบอาวุธและการติดต่อสื่อสารในการรบที่ทางฝ่ายลาวใช้นั้น ทันสมัยมาก สามารถรู้พิกัดที่ตั้งปืนใหญ่ของไทย และยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการรบกวนระบบการสื่อสารของทหารไทย ซึ่งกองทัพประชาชนลาวคงไม่มีระบบที่ทันสมัยอย่างนี้

ในกรณีการทิ้ง ระเบิดใส่ฝ่ายเดียวกันเองนี้ เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมาก มีรายงานหลายกระแส เช่น
๑. เกิดจากความผิดพลาดในการประสานงานระหว่างกองกำลังภาคพื้น และเครื่องบินที่จะเข้าทิ้งระเบิด เช่น ทางภาคพื้นมีการแจ้งยกเลิกการโจมตี แต่กองทัพอากาศไม่ได้รับแจ้ง เมื่อมีการแจ้งยืนยันการทิ้งระเบิดที่เป้าหมาย มีการแจ้งกลับว่าให้ทำการโจมตีได้
๒. เกิดการรบติดพันรุนแรง และประชิด ไม่สามารถระบุเป้าหมายที่แน่นอนได้ ในสงครามเวียดนามหรือกรณีอิรักครั้งล่าสุดยอดทหารสหรัฐที่เสียชีวิตจากการ ยิงหรือทิ้งระเบิดฝ่ายเดียวกันมีจำนวนมาก
๓. ทหารไทยยึดฐานทหารลาวได้ก่อนกำหนดการณ์ และมีการเคลื่อนกำลังปะทะติดพัน ไม่สามารถแยกแนวรบที่ชัดเจนได้ ตอนที่นักบินทิ้งระเบิดลงไปโจมตี
๔. ทางลาวทำการรบกวนระบบการสื่อสารของไทย มีการดักฟัง ทำการถอดรหัส และรวมทั้งมีการเลียนเสียงการสั่งการ ซึ่งได้รับอุปกรณ์ที่ทันสมัยจากรัสเซีย
๕. เกิดการขัดแย้งกันในกองทัพ และสายทางการเมือง ที่ต้องการแย่งอำนาจการเมืองจากทางทหาร เลยทำการสร้างความแตกแยกในกองทัพ และมีการให้ข้อมูลแก่ฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับแผนการรบ ๆลๆ เนื่องจากในช่วงนั้น ส.ส. หลายคน อดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อนและมีความสัมพันธ์กับ ทหารบางกลุ่ม บางคนเคยเป็นสมาชิกของเขมรแดง หลังจากนโยบาย ๖๖/๒๓ จึงเข้ามาต่อสู้ทางการเมือง อีกทั้งฝ่ายทหารยังแตกแยกเรื่องการบังคับบัญชา
๖. การวางแผนการรบที่ผิดพลาด ขาดความยืดหยุ่นในการรบและการตั้งรับ และเรื่องยุทโธปกรณ์ที่ไม่พร้อม รวมทั้งการประเมินกำลังและขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามต่ำไป
บทเรียนและ การเปลี่ยนแปลงที่ได้จากสงครามครั้งนี้ =
๑. หลังจากที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการประกาศนโยบาย เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า มีการไปเยี่ยมเยียนกันของผู้นำทางทหารของไทย ที่ลาว และเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งลดความตึงเครียดทางการทหารระหว่างกัน ปัจจุบันไทยกับลาวมีการร่วมมือกันมากขึ้นในด้านต่าง ๆ พัฒนาเศรษฐกิจ แต่ลาวก็ดำเนินนโยบายกับไทยอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวไทยครอบงำและเข้าแทรกแซงทางสังคม และวัฒนธรรม เนื่องจากขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ใกล้เคียงกัน!!!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

 

ສປປ ລາວ

ມີຮອດລະດັບປະລິນຍາພະອິນ

 

ຊື້ເອົາທັງນັ້ນ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

 

ສປປ ລາວ

ມີຮອດລະດັບປະລິນຍາພະອິນ

 

ຊື້ເອົາທັງນັ້ນ




ເອົາຄວາມໃດ໋ມາເວົ້າແມ່ອາ? ຖ້າເພິ່ນຊື້ເອົາຄືເຈົ້າຄິດ ຕ່າງປະເທດຊິຮັບຮູ້ພວກເພິ່ນຊັ້ນເບາະ?

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

 

ສປປ ລາວ

ມີຮອດລະດັບປະລິນຍາພະອິນ

 

ຊື້ເອົາທັງນັ້ນ


 ຄັນເພິ່ນຊື້ໄດ້ເຈົ້າຄືບໍ່ຊື້ເອົາຄືເພິ່ນ ຫຼືວ່າເຈົ້າເປັນຄົນຂາຍຫວາ ຫາຊື້ໄດ້ຢູ່ໃສ ບອກແດ່ຂ້ອຍກໍ່ຢາກໄດ້ຄືກັນ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

http://www.facebook.com/profile.php?id=100001263301389&ref=tn_tnmn#!/profile.php?id=100002637944890

ເຫັນໂສມຫ້ນາຂອງຕະກຸນຣາຊວົງ ຄມນ ລາວແດງ ທີ່ເພດເອ້ກັນຈົນກາຍເປັນຕູເພັດຍ້າຍທີ່ໄດ້ແລ້ວ ຫັນມາຊົມຄວາມສວຍງາມຂອງຣາຊວົງຂ້າງບ້ານເບີ່ງວ່າ ເຕັມ ຖົນນ ເມືອງ ກທມ ມີ ປາ baleines ແລະ ເສືອໂຄ່ງໄຫ່ຍ ທັງ10ຊາວໂຕແລ່ນເຕັມບ້ານເຕັມເມືອງເລີຍ ເອົາລົງໄປສຸ ປິ 1994 ຫັວຫ້ນາໂຈນຫ້ນາດຳຈັບມືກັບໂຈນຫ້ນາແຫລ້ກັນເຫັນມາຈົນໄດ້ ພີ່ນ້ອງລາວ ໃນຣາຊອານາຈັກໄທຍ ກ່ວາ40ລ້ານ ທັງ7 ລ້ານ ໃນ ຣາຊອານາຈັກ ຄມນລາວແດງ ພ້ອມທັງລາວນອກ1ລ້ານຄົນຢາກເຫັນພວກເພີ່ນອວດອ້າງເພັດຊາອຸກັນເດ ????? ອົດໄຈໄວ້ ບໍ່ຕາຍຄົງຈະໄດ້ເຫັນແທ້!!!

clanຂອງສະເດັດ ປທ ປະເທດ ແລະ ສະເດັດນາຍົກ ປໍສາມປໍສີ່ ວັນເວລາຜ່ານໄປ ເກືອບ40ປິ ເມື່ອໂຄດວົງເຂົາເຂົ້າມາສູ່ສັງຄົມຜູ້ດິ ວຽງຈັນ ໄສ່ເກິບປາອີ່ຮື ສົ້ງຂາດຫ້ນາເສືອຂາດຫລັງ ວັນເວລາຜ່ານໄປ ລູກຫລານສະເດັດຍັງກ້າລົດລະຄວາມຣັ່ງມີລ້ຳລວຍອວດຫລອກໂລກຈົນໄດ້ ໄສ່ເກີບອີ່ແຕ້ະໃຫ້ລາວນອກ ຫັວຂັວນຈົນຂີ້ແຕກຂິ້ແຕນ ວ່າຕະກຸນພວກເຂົາມັນທຸກຍາກສ່ຳໄດ

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed



รายละเอียดของการจัดการพื้นที่ชายแดนตามรายงานมีดังต่อไปนี้!!!
เวียดนาม-ลาว:
แนว ชายแดนระหว่างเวียดนามและลาว ยาวประมาณ 2,340 กิโลเมตร ยืดยาวตลอด 10 จังหวัดของเวียดนามคือ จังหวัดเดี่ยนเบียน จังหวัดเซินลา จังหวัดทาญฮว้า จังหวัดเหงะอาน จังหวัดห่าติ๋ญ จังหวัดกว๋างบิ่ญ จังหวัดกว๋างตริ จังหวัดเถื่อเทียน-เว้ จังหวัดกว๋างนาม และจังหวัด กอนตุม ติดต่อกับ 10 แขวงฝ่ายลาวคือ แขวงพงสาลี แขวงหลวงพระบาง แขวงหัวพัน แขวงเชียงขวาง แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน แขวงสะหวันนะเขต แขวงสาละวัน แขวงเซกอง และแขวงอัตตะปือ

แนวชายแดนระหว่างเวียดนามและลาวส่วนใหญ่ผ่านยอดเขา หรือเนินเขาและผ่านป่าทึบโซนร้อน ความสูงจากระดับน้ำทะเลต่ำสุดประมาณ 300 เมตร สูงสุดประมาณ 2,700 เมตร บริเวณช่องทางต่างๆ มีระดับสูงเฉลี่ยประมาณ 500 เมตร บางแห่งสูงเกิน 1,000 เมตร ระหว่างสองประเทศเป็นเทือกเขาสูงเป็นรูปร่างแนวชายแดนธรรมชาติคือ ทิศเหนือตั้งแต่อาปา จ๋าย สามแยกชายแดนจีน-ลาว-เวียดนาม อยู่ในตำบลสิ๊นเถิ่ว อำเภอเหมื่องแญ้ จังหวัด เดี่ยนเบียน ลงไปเป็นเทือกเขาภูสามเสา ทิศใต้ตั้งแต่จังหวัดทาญฮว้า เข้ามาเป็นเทือกเขาเตรื่องเซิน

ช่องเขาบางแห่งได้กลายเป็นช่องทาง เชื่อมต่อสองประเทศ ส่วนตามช่วงชายแดนต่างๆ เกือบทั้งหมดเป็นภูเขา เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางอันตราย การสัญจรยากลำบาก

พลเมืองทั้งสองฝั่ง ชายแดน ส่วนมากเป็นชนเผ่า ชนกลุ่มน้อย อยู่กันเบาบาง ตามหมู่บ้านต่างๆ ห่างไกลกันมาก และห่างไกลแนวชายแดน ความเป็นอยู่ทางวัตถุ และจิตใจของเพื่อนร่วมชาติชนเผ่าต่างๆ ส่วนมากของสองประเทศยังขาดแคลนและล้าหลังมาก การคมนาคมไปมาระหว่างสองประเทศและในบริเวณชายแดนของแต่ละประเทศยากลำบากที่ สุด ดูเหมือนยัง ไม่มีถนนสำหรับยานยนต์ ยกเว้นช่องทาง 2-3 แห่ง ตามชุมชน ถนนบางสายมีมาตั้งแต่สมัยสงคราม หรือมีทางเปิดใหม่ตามเส้นทางชักลากไม้ในป่าแต่ทรุดโทรมมาก

บริเวณ ใกล้ชายแดนมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของสองประเทศ นาน มาแล้วประชาชนสองประเทศที่บริเวณชายแดนมีความสัมพันธ์ทางชนเผ่าเกี่ยวดอง เป็นเครือญาติ และช่วยเหลือกันในการดำเนินชีวิต

ประวัติการเป็นรูปร่างแนวชายแดนเวียดนาม-ลาว

1. สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส ได้มีการกำหนดชายแดนระหว่างเวียดนาม-ลาว โดยคำบัญชาของผู้สำเร็จราชการอินโดจีนคำบัญชาปี 2436, คำบัญชาปี 2438, คำบัญชาปี 2439, คำบัญชาปี 2443, คำบัญชาปี 2447 และคำบัญชาปี 2459

ขณะ เดียวกันกับการปรับปรุงที่ดินตามคำบัญชาต่างๆ ของผู้สำเร็จราชการอินโดจีน อาณานิคมฝรั่งเศสได้ดำเนินการปรับปรุงแนวชายแดน และปรากฏบนแผนที่ Bonne มาตราส่วน 1/100,000 ของสำนักงานภูมิประเทศอินโดจีนพิมพ์เมื่อปี 2488

2. หลังจากปี 2518 สองประเทศพยายามเจรจาเกี่ยวกับชายแดนอาณาเขตในเดือนกุมภาพันธ์ 2519 เป็นเอกฉันท์ใน หลักการใช้แผนที่ Bonne มาตราส่วน 1/100,000 ของสำนักงานภูมิประเทศอินโดจีน ปี 2488 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ สถานที่ใดไม่มีในแผนที่ของสำนักงานภูมิประเทศอินโดจีนปี 2488 ก็ให้ใช้แผนที่ที่พิมพ์หลังหรือก่อนนั้น 2-3 ปี

วันที่ 18 กรกฎาคม 2520 ตัวแทนสองรัฐเวียดนามและลาว ได้ลงนามสนธิสัญญาปักปันชายแดนแห่งชาติระหว่างประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยม เวียดนามและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่กรุงเวียงจันทน์ การเจรจาเสร็จสิ้นและลงนามสนธิสัญญาปักปันชายแดนแห่ง ชาติ เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ของสองพรรคสองรัฐบาลและประชาชนสองประเทศ ประทับรอยก้าวสำคัญในกระบวนการสร้าง ชายแดนเวียดนาม-ลาว ให้เป็นชายแดนสันติภาพ มิตรภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือพัฒนายั่งยืน

ปี 2521 สองฝ่ายเริ่มดำเนินงานปักหลักเขตตลอดแนวชายแดนเวียดนาม-ลาว และเสร็จสิ้นภารกิจนี้เมื่อปี 2530 บนตลอดแนวชายแดนเวียดนาม-ลาว ได้มี การก่อสร้างระบบหลักเขตแดนแห่งชาติจำนวน 199 หลัก!

ขณะเดียวกันในช่วง นี้ สองประเทศ ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับชายแดนระหว่างสองประเทศ เช่น การโอนที่ดิน การส่งมอบประชาชนและทรัพย์สินระหว่าง สองฝ่าย สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ แบบธรรมเนียมระหว่างประเทศ และสะท้อนความเป็นจริงของแนวชายแดน ประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศ

สอง ฝ่ายได้รับรองผลต่างๆ ข้างต้น ในข้อตกลงเพิ่มเติมสนธิสัญญาปักปันชายแดนแห่งชาติระหว่างประเทศสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 24 มกราคม 2529 พิธีสารว่าด้วยการปักหลัก เขตตลอดแนวชายแดนแห่งชาติระหว่างประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 24 มกราคม 2529 ข้อตกลงเพิ่มเติมสนธิ สัญญาว่าด้วยการปักหลักเขตตลอดแนวชายแดนแห่งชาติเวียดนามและลาว 16 ตุลาคม 2530

หลังจากแล้วเสร็จขั้นต้นในภารกิจปักหลักเขตบนพื้นที่จริงเมื่อ ปี 2530 สองฝ่ายได้ลงนามเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ชายแดนวันที่ 1 มีนาคม 2533 และพิธีสารเพิ่มเติม ข้อตกลงเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ชายแดนวันที่ 31 สิงหาคม 2540 มุ่งหมายสร้างพื้นฐานทางนิตินัยอย่างครบถ้วนให้แก่ภารกิจป้องกันและบริหาร ชายแดนระหว่างสองประเทศ

3. ได้มีการก่อสร้างหลักเขตแดนแห่งชาติในช่วงเวลาที่สองประเทศยังประสบความ ลำบากหลายอย่าง อาทิ เศรษฐกิจยังไม่พัฒนา เทคนิคยังจำกัดจึง ยังตอบสนองความต้องการของระบบหลักเขตให้มีเสถียรภาพยั่งยืนตามแบบแผนไม่ได้

ความ หนาแน่นหลักเขตจึงเบาบาง เฉลี่ยกว่า 10 กิโลเมตรต่อ 1 หลักเขตมีบางแห่งกว่า 40 กิโลเมตรต่อ 1 หลักเขต เพราะฉะนั้นแนวชายแดนบนพื้นที่จริงในบางแห่งจึงไม่ชัดเจน กองกำลังบริหารและประชาชนสองข้างชายแดนไม่รู้แนวชายแดนชัดเจน!

หลัก เขตทั้งหลายได้รับการออกแบบและก่อสร้างยังไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขภูมิประเทศ ธรณีวิทยา สภาพอากาศตามบริเวณชายแดน รวมทั้งขนาดหลักเขตเล็กเกินไป คุณภาพไม่ดี หลักเขตเกือบทั้งหมดจึงทรุดโทรมและเสียหาย จนถึงปัจจุบันจึงต้องสร้างฐานรากหลักเขต เกือบทั้งหมดให้แข็งแรง ในห้วงหลายปีผ่านมา สองฝ่ายได้เปิดและยกระดับหลาย ช่องทาง พร้อมกับมีการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ ที่กว้างใหญ่ทันสมัย ชุมชนหลายแห่งใกล้ชายแดนพัฒนาแข็งแรง ดังนั้นระบบหลักเขตเก่าจึงไม่เหมาะสมบนพื้นที่จริง โดยเฉพาะตามบรรดาช่องทาง สถานที่ ชุมชนที่มีประชาชนผ่านไปมา ก่ออุปสรรคให้แก่การบริหารชายแดน

เริ่ม จากความจริงข้างต้น ความมุ่งมั่นในการบริหารชายแดนอย่างมั่นคงยั่งยืน มีส่วนส่งเสริมความสัมพันธ์พิเศษเวียดนาม-ลาว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 เวียดนามและลาวดำเนินแผนปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการ เสริมความหนาและบูรณะ ระบบหลักเขตแห่งชาติระหว่างสองประเทศ ตามทิศทางทันสมัย ยั่งยืน และเอกภาพบนตลอดแนวชายแดน มีหลักเขตที่เสริมความหนาและบูรณะแล้วรวมจำนวน 792 หลัก ประกอบด้วยหลักเขตขนาดใหญ่ 16 หลัก หลักเขตขนาดกลาง 190 หลักและหลักเขตขนาดเล็ก 586 หลัก ระยะเวลาดำเนินการตามแผนเริ่มตั้งแต่ปี 2551 ในนั้น อันดับแรก ให้ปักหลักเขตในบริเวณ ที่มีช่องทางและบริเวณที่มีถนนคมนาคมสัญจรสะดวก มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือ ติดต่อแลกเปลี่ยนการพัฒนาเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยทางสังคมบริเวณชายแดน!

วัน ที่ 18 มกราคม 2551 เวียดนามและลาวได้ร่วมกับกัมพูชาปักหลักเขตที่สามแยกชายแดน และวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ที่นครฮานอย ได้มีพิธีลงนามข้อตกลง กำหนดชุมทางชายแดนระหว่างสามประเทศ วันที่ 5 กันยายน 2551 ที่ช่องทาง ลาวบ๋าว-แดนสะหวัน สองฝ่ายได้ประกอบพิธีเปิดหลักเขตคู่หมายเลข 605 นี่เป็นหลักเขตแรกเริ่มภารกิจอย่างเป็นทางการสำหรับการเสริมความหนาและบูรณะ หลักเขตแดนแห่งชาติระหว่างสองประเทศ นับถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สองฝ่ายได้กำหนดที่ตั้งหลักเขต 462 แห่ง และได้ก่อสร้างที่ตั้งหลักเขต 333 แห่ง สองฝ่ายจะแล้วเสร็จภารกิจปักหลักเขตบนพื้นที่จริง ในปี 2555 และแล้วเสร็จพิธีสาร แผนที่รับรองผลในปี 2557

ล่าสุด สำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ช่องทางแห่งชาติลาไล จังหวัดกว๋างตริ-ลาไลแขวงสาละวัน ลาว ได้มีพิธีเปิดหลักเขตแดนแห่งชาติหมายเลข 635 ระหว่างชายแดนสองประเทศ

โห่ เซวิน เซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และประธานคณะกรรมการชายแดนแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการร่วมปักหลักเขต แดนเวียดนาม-ลาว และบุนเกิด สังสมสัก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาว และประธานคณะกรรมการร่วมปักหลักเขตแดนลาว-เวียดนาม ร่วมกับแกนนำจังหวัดกว๋างตริ และแกนนำแขวงสาละวัน พร้อมประชาชนบริเวณช่องทางของสองประเทศได้เข้าร่วมพิธี

ได้มีการ เริ่มก่อสร้างหลักเขตแดนแห่งชาติหมายเลข 635 ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2553 ก่อนหน้านี้หลักเขตใหญ่แห่งนี้เดิมเป็นหลักเขตคอนกรีตหมายเลข R16 ปักอยู่กลางช่องทางแห่งชาติลาไล ถือเป็น 1 ใน 16 หลักเขตใหญ่ตลอดแนวชายแดนเวียดนาม-ลาว และเป็นหลักเขตใหญ่หนึ่งเดียวระหว่างจังหวัดกว๋างตริ และแขวงสาละวัน

ด้วย ความพยายามของคณะกรรมการชี้นำปักหลักเขตจังหวัดกว๋างตริ ท้องถิ่นที่สองประเทศมอบอำนาจ ให้ก่อสร้างหลักเขต ภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญกฎหมายและเทคนิคของสองประเทศ จนถึงวันนี้งานก่อสร้างหลักเขตใหญ่หมายเลข 635 ได้แล้วเสร็จด้วยคุณภาพดีแน่นหนา แสดงถึงความถูกต้องของที่ตั้งแนวชายแดนระหว่างสองประเทศที่บริเวณช่องทาง หลักลาไล-ลาไล สร้างความสะดวกให้แก่ภารกิจบริหารชายแดนที่ยั่งยืน และส่งเสริมการติดต่อสัญจรผ่านช่องทาง

สุนทรพจน์ในพิธีเปิด โห่ เซวิน เซิน เน้นย้ำว่าความสำเร็จของงานนี้เป็นรอยจารึกสำคัญ ส่งเสริมกระบวนการทำขึ้นใหม่ และเพิ่มความหนาของระบบหลักเขตแดนระหว่างสองประเทศเวียดนาม-ลาว โดยเฉพาะระหว่างจังหวัดกว๋างตริกับแขวงสาละวัน เปิดโอกาสใหม่ อนาคตสดใสให้แก่ช่องทางลาไล-ลาไล เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เป็นจุดหยุดแวะและเป็นที่หมายนัดพบสำหรับนักท่อง เที่ยว รวมทั้งนักลงทุน ภายในและต่างประเทศ ทำให้พื้นที่เขตแดน แห่งนี้เป็นจุดแสงสว่างตัวอย่างเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนา

เห งียน เกวิน จิ๊ญ รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างตริ และประธานคณะกรรมการชี้นำปักหลักเขตที่จังหวัดกว๋างตริ กล่าวว่ากว๋างตริเป็นจังหวัดแรกใน 10 จังหวัดที่มีแนวชายแดนร่วมกับลาว ได้รับเลือกให้ดำเนินการนำร่องภารกิจปักหลักเขตแห่งชาติ!

ภายหลัง พยายามดำเนินงานกว่าสองปี ทั่วทั้งระบบ 31 ใน 35 หลักเขตแห่งชาติระหว่างจังหวัดกว๋างตริ และแขวง สะหวันนะเขต ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จกับเหตุการณ์เปิดหลักเขตใหญ่หมายเลข 635 จังหวัดกว๋างตริและแขวงสาละวันให้คำมั่น สัญญาว่าจะประสานงานแนบแน่นต่อไปใน งานจัดการก่อสร้างบรรดาหลักเขตที่เหลือ จะพยายามจนถึงสิ้นปี 2555 ให้แล้วเสร็จงานปักหลักเขตบนพื้นที่จริงระหว่างสองฝ่าย!!!

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

ເຈົ້າຜູ້ຂຽນຂໍ້ຄວາມນີ້

ยุทธการ บ้านร่มเกล้า!!!

ຢ່າມາຫຼອກຄົນລາວເລີຍ ເວົ້າວ່າແຜນທີ່ຄົນລະສະບັບ ແລ້ວພິກັດເສັ້ນແວງເສັນຂະໜານມັນບໍ່ໄດ້ເຄື່ອນຍ້າຍນີ້ ມັນຕ້ອງຖືກກັນຕວາບໍ ປະເທດເຈົ້າເຊັນສັນຍາກັບຝລັ່ງເສດ ແລ້ວພວກເຈົ້າໄປເອົາແຜນທີ່ອາເມລິກາມາອ້າງເຮັດຫຍັງ ເຮີ່ໆໆໆ ປະເທດເຈົ້າເຊັນສັນຍາກັບຝລັ່ງກໍເອົາແຜນທີ່ປະເທດເຈົ້າເຊັນສັນຍາກັບຝລັ່ງມາອ້າງຕິ ຫຼືບໍ່ມີ ຫຼືພວກເຈົ້ານາຍເຈົ້າຈີກຖິ້ມແລ້ວ ເອົາມາອ້າງເຮັດຫຍັງແຜນທີ່ອາເມລິກາເຮັດອອກມາ ໂງ່ແບບນີ້ແຫລະທີ່ຜິດກັບທຸກປະເທດທີ່ມີຊາຍແດນຕິດກັນກັບປະເທດເຈົ້າ ບາງທີ່ກໍ່ບໍ່ແມ່ນໂງ່ດອກ ຂ້ອຍວ່າເປັນແຜນຂອງພວກເຈົ້ານາຍເຈົ້າທີ່ຢາກໄດ້ດິນດອນຕອນຫຍ້າຂອງປະເທດອື່ນມາຄອບຄອງ ເພິ່ນເອີ້ນວ່າໄທໃຫຍ່
ເຈົ້າອ້າງວ່າມີທະຫານຫວຽດນາມ ມີທະຫານຕ່າງປະເທດມາຊ່ວຍລາວ ອັນນີ້ຂີ້ຕັວະ ລາວບໍ່ໃຫ້ຫວຽດນາມມາໄກ້ເພາະຢ້ານ ແພ້ໃນສານໂລກ ສູ້ກັບທະຫານໄທນັ້ນເປັນທະຫານລາວເທິງ ເຂົາເວົ້າພາສາເຂົາ ພວກຈັບສັນຍານໂຟນນີຂອງພວກເຈົ້າກໍ່ອ້າງວ່າຕ່າງຊາດ ທຳອິດຝ່າຍລາວເອົາຄົນລາວທີ່ຈົບຈາກໂຊຫວຽດ ເວົ້າພາສາຣັດເຊຍຜ່ານໂຟນນີພວກເຈົ້າກໍ່ແປໄດ້ ພາສາຫວຽດນາມ ພວກເຈົ້າກໍ່ເຂົ້າໃຈ ພາສາມົ້ງພວກເຈົ້າກໍ່ຮູ້ ຂັ້ນເທິງເລີຍໃຫ້ ພວກລາວເທິງລົມກັນຜ່ານໂຟນີ ພວກຂອງເຈົ້າບໍ່ເຂົ້!ໃຈ ແລະຄົນຂອງເຈົ້າກໍ່ບໍ່ມີໃຜຮູ້ ພວກເຈົ້າບາງຄົນຍັງເວົ້າວ່ານີ້ມັນພາສາຊົນເຜົ່າໜຶ່ງຂອງກູບາ ເອີກໆໆໆໆ... ເດົາເອົາໄປສຳມະປິ ຍ້ອນພວກເຈົ້າບໍ່ເຂົ້າໃຈຈິ່ງເຮັດໃຫ້ພວກເຈົ້າປະລາໄຂສົງຄາມ ຮູ້ເອົາໄວ້ ພວກເຈົ້າມີຮອດຍົນສອດແນມກໍ່ເຈິລູກສອນໄຟໂຊວຽດຍິງຕົກ ຈັບໄດ້ນັກບິນ2ຄົນອີກ ມີຮອດແອັບ 15 ລາວບໍ່ມີ ເຊົາສາອັນເອົາຄວາມຂີ້ຕັວະມາອ້າງຂອ້ຍບໍ່ຢາກໄດ້ຍິນຮູ້ບໍ່...



__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

ພວກເຈົ້າມີຮອດຍົນສອດແນມກໍ່ເຈິລູກສອນໄຟທີ່ຊື້ມາຈາກໂຊວຽດຍິງຕົກ ຊື້ຕິດໜີ້ຊ້ຳບໍ່ທັນໄດ້ຈ່າຍເງິນ ລູກລະ 5ແສນໂດລາເດີ ຍິງ2ລູກ ແຕ່ຍົນສອດແນມພວກເຈົ້າຊື້ນຳອາເມລິກາ ມັນຕັ້ງຫຼາຍລ້ານໂດລາ (ບໍ່ແມ່ນ 35ລ້ານບໍ ຖ້າຈື່ບໍ່ຜິດ) ຈ່າຍສົດອີກ ອາເມລິກາບໍ່ໃຫ້ຕິດໜີ້ ອາກໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆໆ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ສີສຸກ, ພວກທະຫານຊົນເຜົ່າທີ່ເພິ່ນເອົາໄປສູ້ຮົບຢູ່ສາມໝູ່ບ້ານນັ້ນມີພຽງແຕ່ເກົ້າຄົນ, ພວກນີ້ມີວິຊາອາຄົມເກັ່ງກ້າບໍ່ສາມາດຂີ່ລົດຂີ່ຍົນໄດ້ ຖ້າຂີ່ລົດໆກໍ່ຕິດຈັກບໍ່ໄດ້ ຖ້າຂີ່ຍົນໆກໍ່ບິນຂຶ້ນບໍ່ໄດ້ ສະນັ້ນຕ້ອງໄດ້ເດີນທາງດ້ວຍໂຕມ້າ. ທະຫານຊົນເຜົ່າເກົ້າຄົນນີ້ ບໍ່ໄດ້ໃຊ້ປືນ ໃຊ້ແຕ່ມີດ ງ້າວແລະເວດມົນຄາຖາ, ຊາກສົບຂອງທະຫານໄທຈໍານວນນຶ່ງຕາຍແບບບໍ່ບາດແຜ ບາງຄົນກະໃຈແຕກຕາຍ ບາງຄົນກະອະໄວຍະວະອື່ນແຕກຕາຍ. ສີສຸກຮູ້ເລື້ອງນີ້ບໍ່?

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

ສີສຸກ, ພວກທະຫານຊົນເຜົ່າທີ່ເພິ່ນເອົາໄປສູ້ຮົບຢູ່ສາມໝູ່ບ້ານນັ້ນມີພຽງແຕ່ເກົ້າຄົນ, ພວກນີ້ມີວິຊາອາຄົມເກັ່ງກ້າບໍ່ສາມາດຂີ່ລົດຂີ່ຍົນໄດ້ ຖ້າຂີ່ລົດໆກໍ່ຕິດຈັກບໍ່ໄດ້ ຖ້າຂີ່ຍົນໆກໍ່ບິນຂຶ້ນບໍ່ໄດ້ ສະນັ້ນຕ້ອງໄດ້ເດີນທາງດ້ວຍໂຕມ້າ. ທະຫານຊົນເຜົ່າເກົ້າຄົນນີ້ ບໍ່ໄດ້ໃຊ້ປືນ ໃຊ້ແຕ່ມີດ ງ້າວແລະເວດມົນຄາຖາ, ຊາກສົບຂອງທະຫານໄທຈໍານວນນຶ່ງຕາຍແບບບໍ່ບາດແຜ ບາງຄົນກະໃຈແຕກຕາຍ ບາງຄົນກະອະໄວຍະວະອື່ນແຕກຕາຍ. ສີສຸກຮູ້ເລື້ອງນີ້ບໍ່?


ໄດ້ຍິນຂ່າວຢູ່ ແຕ່ພວກນີ້ກຳລັງມາ ແຕ່ສົງຄາມຢຸດຕິກ່ອນ ເຂົາຍ່າງມາຫຼືຂີ່ມ້າມາແຕ່ພາກໃຕ້ ຂ້ອຍກໍ່ບໍ່ຮູ້ ແຕ່ຍັງມາບໍ່ຮອດເດີ ໄທຕາຍເປັນ ໝື່ນ 10000 ລາວຕາຍພຽງ1000 ຄົນ ພວກໄທວ່າລາວມີກອງກຳລັງລະຫວ່າງຊາດ ນັ້ນເພາະວ່າທະຫານລາວທີ່ຈົບມາແຕ່ໂຊວຽດ ຫວຽດນາມ ກູບາ ມີທັງອ້າຍນ້ອງເຜົ່າມົ້ງແດ່ເດີ ຂັ້ນເທິງເອົາພວກນີ້ມາສື່ສານລະຫວ່າງແນວຫຼັງກັບແນວໜ້າຄິດວ່າໄທມັນຈບໍ່ເຂົ້າໃຈພາສາພວກນີ້ແຕ່ຂັ້ນເທິງ

ຄິດຜິດ ໄທມັນເກ່ງພາສາພວກນີ້ເລຍໄດ້ປ່ຽນເປັນພາສາລາວເທິງ ເພິ່ນພາກັນງົງ ເດົາວ່າເປັນພາສາ ຊົນເຜົ່າໜຶ່ງຂອງກູບາ ກູບາຫ່າມັນຫຍັງພາສາລາວເທິງ ຄະດີນີ້ສານໂລກຕັດສິນຢືນຕາມລາວແລ້ວເດີ ລັດຖະບານໄທຕ້ອງຍອມຈ່າຍຄ່າປະລາໄຊສົງຄາມ ສ້າງເດີນທາດຫຼວງ ສ້າງທາງສາຍໂຮງໝໍ 103 ແຕ່ພວກລັດຖະບານມັນບໍ່ຍອມບອກປະຊາຊົນໄທຮູ້ ລັດຖະບານລາວບໍ່ຢາກໃຫ້ໄທເສຍໜ້າ ກໍ່ອ້າງກັບປະຊາຊົນລາວວ່າ ໄທຊ່ວຍເຫຼືອລາວລ້າ ເຖິງທຸກວັນນີ້ ປະຊາຊົນໄທຍັງເວົ້າວ່າເຂດນັ້ນເປັນເຂດທັບຊ້ອນ ສົງໄສຍັງຈະມີສົງຄາມກັນອີກບໍ່ວັນໜຶ່ງກໍ່ວັນໜຶ່ງ ຄືກັບເຂົາພະວິຫານນັ້ນແຫລະ ສານໂລກຕັດສິນໃຫ້ກຳປູເຈຍແຕ່ປີ 1960 ພຸ້ນແລ້ວ ເຖິງວັນນີ້ໄທຍັງອ້າງວ່າເຂດທັບຊ້ອນອ້າງວ່າຕົວປະສາດເປັນຂອງກຳປູເຈຍແຕ່ດິນທີ່ຢູ່ພື້ນປະສາດເປັນຂອງໄທ ເບິ່ງເອົາຈັ່ງຊີ້ມັນກໍ່ຍັງມາອ້າງ ຄະດີນີ້ຖ້າເບິ່ງເດືອນ2ປີນີ້ສານໂລກຈະຕັດສິນວ່າແນວໃດ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ເຈົ້າກະຮູ້ຫຼາຍສົມຄວນ ຕື້ນເລິກໜາບາງຊໍ່າໃດ໋ກະຮູ້, ນັບຖືໆເດີສີສຸກ.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ตำราพิชัยสงครามกล่าวว่า!!!
… หลอกล่อข้าศึกด้วยผลประโยชน์ บุกตีเมื่อระส่ำระสาย ข้าศึกเกรียงไกรให้เตรียมพร้อม ข้าศึกแข็งแกร่งพึงหลีกเลี่ยง …
รุกไม่แน่ว่าจะได้เปรียบ ถอยไม่แน่ว่าจะเสียเปรียบ ความได้เปรียบเสียเปรียบเป็นสิ่งไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสติปัญญาความสามารถของแม่ทัพ หรือ ผู้นำผู้บริหารเป็นสำคัญ!

ผู้ที่ละเลยความจริงข้อนี้ ย่อมต้องปราชัย!!!
"แม่ทัพผู้ชำนาญศึก จึงแสวงหาชัยชนะจากสถานการณ์" โดยไม่เรียกร้องชัยชนะจากผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา"
แม่ทัพเป็นผู้เลือกคน แล้วปล่อยมือให้คนของเขาหาประโยชน์เอาจากสถานการณ์
คนที่กล้าหาญ จะเข้าต่อสู้ !
ผู้ที่ไม่ประมาท จะคอยป้องกัน !
คนมีสติปัญญา จะคอยให้คำปรึกษา !
ไม่ทิ้งผู้มีความสามารถให้เปล่าประโยชน์ !
"วิธีจัดกำลังคน" นั้น
ให้ใช้คนโลภกับคนโง่ คนมีสติปัญญา ให้คู่กับคนที่กล้าหาญ แล้วมอบหมายความรับผิดชอบให้แต่ละคู่ตามความเหมาะสม
ของสถานการณ์ อย่ามอบหมายให้ใครทำงานที่เห็นว่าเขาทำไม่ได้ เลือกคนแล้วมอบหมายความรับผิดชอบให้ทำตาม กำลังและความสามารถของคนนั้นๆ
"โดยทั่วไปนั้น ผู้ที่ตั้งค่ายในสนามรบได้ก่อน และคอยทีข้าศึกอยู่ ย่อมไม่เคร่งเครียด ผู้ที่มาถึงภายหลัง แล้วรีบเร่งเข้าทำการรบ
ย่อมอิดโรย"
"ผู้ชำนาญการสงครามจึงชักจูงให้ข้าศึกเดินเข้ามาสู่สนามรบ มิใช่ให้ข้าศึกนำตนเข้าสู่สนามรบ"
หนทางที่ผู้มีอำนาจในแผ่นดิน จะนำโชคร้ายมาให้กองทัพของตน มีอยู่ ๓ ประการ คือ=
๑. เมื่อโง่เขลาเบาปัญญา ไม่รู้ว่ากองทัพยังไม่ควรรุก ก็สั่งให้รุก กองทัพที่มีปัญหาเช่นนี้ เท่ากับถูกมัดขา
๒. เมื่อผู้โง่เขลาในกิจการทหาร เข้ามายุ่งเกี่ยวในงานฝ่ายบริหารของกองทัพ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ บรรดาแม่ทัพนายกอง เกิดความสับสนงงงวย
๓. เมื่อขาดความรู้ในสายงานการบังคับบัญชา ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ความรับผิดชอบในหน้าที่ เหตุเช่นนี้ทำให้เกิด ความสงสัยขึ้นในจิตใจของแม่ทัพนายกอง "ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่า คำสั่งบังคับบัญชาที่มาจากผู้มีอำนาจปกครองอยู่ในเมือง"
มีสิ่งแวดล้อมอยู่ ๕ ประการที่จะช่วยให้ทำนายชัยชนะได้ คือ=
๑. ผู้ที่รู้ว่าเมื่อใดควรรบ และเมื่อใดไม่ควรรบ จะเป็นผู้ชนะ
๒. ผู้ที่รู้จักว่าจะใช้กองทหารขนาดใหญ่ และขนาดเล็กอย่างไร จะเป็นผู้ชนะ
๓. ผู้ที่มีนายและไพร่พลกลมเกลียวเหนียวแน่นในการทำศึก จะเป็นผู้ชนะ
๔. ผู้ที่มีวิจารณญาณ และสงบนิ่ง คอยข้าศึกผู้ขาดวิจารณญาณ จะเป็นผู้ชนะ
๕. ผู้ที่มีแม่ทัพ เป็นผู้ที่มีความสามารถ และไม่ถูกรบกวนแทรกแซงจากผู้มีอำนาจปกครองแผ่นดินสูงสุด จะเป็นผู้ชนะ
มี คุณสมบัติอยู่ ๕ ประการ ที่เป็นอันตรายต่อบุคลิกภาพของแม่ทัพ =
ถ้าประมาท อาจถูกฆ่า
ถ้าขาดกลัว จะถูกจับ
ถ้าเป็นคนโมโหฉุนเฉียวง่าย จะหลอกให้โง่ได้ง่าย
ถ้าเขาเป็นคนอ่อนไหวในความรู้สึกเรื่องเกียรติยศ ท่านย่อมจะสบประมาทให้โกรธได้ง่าย
ถ้าเขาเป็นคนขี้สงสาร ท่านย่อมรบกวนความรู้สึกของเขาได้
บุคลิกภาพทั้ง ๕ ประการนี้ เป็นอันตรายร้ายแรงสำหรับผู้เป็นแม่ทัพ และเมื่อลงมือปฏิบัติการทางทหาร ย่อมเกิดความหายนะ
เหตุผลที่เจ้านครผู้ฉลาด และแม่ทัพผู้มีสติปัญญาเอาชนะข้าศึกได้ ไม่ว่าจะทำศึกเมื่อใด และผลสำเร็จอยู่เหนือคนธรรมดา
สามัญ คือ รู้การณ์ล่วงหน้า (เกี่ยวกับภาวการณ์ข้าศึก)
"สาย" ซึ่งใช้งานได้มีอยู่ ๕ ประเภท คือ สายลับพื้นเมือง สายลับภายใน สายลับสองหน้า สายลับกำจัดได้ และสายลับมีชีวิต
เมื่อสายลับทั้ง ๕ ประเภทลงมือทำงาน ต่างก็ปฏิบัติภารกิจของตนไปพร้อมๆกัน โดยไม่มีผู้ใดรู้วิธีหาข่าวของสายลับเหล่านี้
เราเรียกคนพวกนี้ว่า "เทวปักษี" เป็นสมบัติมีค่าของผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดในแผ่นดิน
สายลับพื้นเมือง คือ คนท้องถิ่นของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้ !
สายลับภายใน คือ นายทหารของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้!
สายลับสองหน้า คือ สายลับของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้!
สายลับกำจัดได้ คือ สายลับของฝ่ายเรา ที่เราส่งไปในดินแดนของข้าศึก เพื่อสร้างข่าวลวงขึ้น !
สายลับมีชีวิต คือ สายลับที่กลับมาได้พร้อมข่าว !
ในบรรดาผู้อยู่ใกล้ชิดผู้บัญชาการทัพ ใครไม่สนิทสนมยิ่งไปกว่าสายลับ ในบรรดาผู้ที่ได้รับปูนบำเหน็จรางวัล ใครก็ไม่ควรได้
มากไปกว่าสายลับ ในบรรดาเรื่องต่างๆไม่มีเรื่องใดเป็นความลับมากกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบราชการลับ
ผู้ที่ไม่สามารถถึงขั้นเซียน และมีสติปัญญา มีความเป็นมนุษย์และมีความยุติธรรม จะไม่สามารถใช้สายลับได้
ผู้ที่ไม่ละเอียดละออ และปราศจากไหวพริบ ก็ไม่สามารถเอาความจริงจากสายลับได้ "พึงระวังสายลับที่กลับใจ"!
ถ้าแผนเกี่ยวกับงานสืบราชการลับแตกออกเสียก่อนจะลงมือทำการ ทั้งสายลับและทุกคนที่รู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดถึง จะถูกประหารชีวิตหมด
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องค้นให้พบสายลับของข้าศึกที่มาสืบราชการลับของท่าน แล้วติดสินบนให้กลับทำงานเพื่อท่าน สั่งงานแล้ว
ดูแลด้วยความระมัดระวัง ด้วยวิธีนี้จะได้ "สายลับสองหน้า" ไว้ใช้ !
โดยวิธีการใช้สายลับสองหน้า ก็จะจัดหา "สายลับภายใน" และ "สายลับพื้นเมือง" มาใช้งานได้
และด้วยสายลับสองหน้า จะสามารถส่ง "สายลับกำจัดได้" นำข่าวลวงไปถึงข้าศึกได้
ด้วยวิธีดังกล่าว จะสามารถใช้ "สายลับมีชีวิต" ได้ด้วยในจังหวะอันเหมาะสม "พึงต้องปฏิบัติสายลับสองหน้าโดยอิสระที่สุด"
งานราชการลับเป็นเรื่องสำคัญในการทำสงคราม ด้วยสายลับ กองทัพได้อาศัยดำเนินงานศึกได้ทุกระยะ "กองทัพที่ปราศจากสายลับ ไม่ผิดอะไรกับคนที่ปราศจากตาและหู"!!!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ประธานาธิบดีเวียดนามยันความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลาวมีความสำคัญทั้งในปัจจุบันและอนาคต!!!
ณ ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนาม นาย เจือง เติน ซาง ประธานาธิบดีเวียดนามได้ให้การต้อนรับกับนายจูมมาลี ไซยะสอน เลขาธิการพรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาวที่ได้เดินทางเยือนประเทศเวียดนาม

ใน ฐานะเป็นตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนชาวเวียดนาม นาย เจือง เติน ซาง ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับนายจูมมาลี ไซยะสอน พร้อมกับคณะ โดยย้ำว่าการที่นายจูมมาลีเลือกเดินทางมายังประเทศเวียดนามเป็นประเทศแรก เพื่อเยี่ยมเยือนและกระชับความสัมพันธ์ไมตรี เนื่องในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศลาวอีกสมัยหนึ่ง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ไมตรีอันเป็นประเพณีที่ดีงามและความสมัคร สมานสามัคคีระหว่างรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศ

นาย เจือง เติน ซาง กล่าวว่า ในปี 2012 ที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นปีที่ทั้งสองประเทศจะฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน 1962-2012 และครบรอบ 35 ปีที่ได้ร่วมลงนามสนธิสัญญาความไมตรีและการร่วมมือระหว่างสองประเทศ 1977-2012 แถมยังเป็น “ปีแห่งความสัมพันธ์ไมตรีเวียดนามและลาว” โดยปี 2012 ถือ เป็นโอกาสสำคัญเพื่อให้สองประเทศร่วมมือกันในการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชน โดยเฉพาะกับเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจในสายสัมพันธ์พิเศษระหว่าง เวียดนามกับ สปป.ลาว และเป็นโอกาสเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ในทุกด้านระหว่างพรรคการเมือง รัฐบาล และประชาชนทั้งสองประเทศขึ้นสู่ระดับใหม่ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า ทางการเวียดนามจะประสานงานอย่างเหนียวแน่นเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุน สปป.ลาวในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรปหรือ ASEM ครั้งที่ 9 ในปี 2012 ให้ประสบความสำเร็จ

ด้าน นายจูมาลีได้กล่าวแสดงความยินดีที่นาย เจือง เติน ซาง ได้รับเลือกให้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยม เวียดนามในการประชุมนัดแรกของรัฐสภาสมัยที่ 13 ที่ผ่านมา

นายจูมมาลียืนยันว่า สปป.ลาว จะร่วมมือกับเวียดนามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ไมตรีและการร่วม มือในทั่วทุกด้านของทั้งสองประเทศขึ้นสู่ระดับใหม่ เนื่องในโอกาสนี้นายจูมมาลี ยังได้เชิญนาย เจือง เติน ซาง ให้เดินทางไปเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้!!!ALAKG

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed


วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 16:59 น. ข่าวสดออนไลน์


"ปปง." ถอดรหัสสายรัดเงินลึกลับในบ้าน "ปลัดสุพจน์" พบโยงใย 6 บริษัทก่อสร้าง


วันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการแทนเลขาธิการ ปปง. ในฐานะกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการธุรกรรม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งแรกในส่วนคดีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่ำรวยผิดปกติ ว่า จากการรวบรวมหลักฐานถอดรหัสจากสายรัดเงิน พบความเชื่อโยงกับบริษัทเอกชนที่เป็นผู้ประมูลงานในหลายจังหวัด และประมูลงานบางโครงการ ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์และดำเนินการไปแล้วบางส่วน ปปง.ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ของบุคคลใกล้ชิด แต่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมโดยเฉพาะความผิดในคดีทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จากนั้นให้นำหลักฐานมาขออนุมัติการตรวจสอบธุรกรรมการเงินอีกครั้ง


“จากการถอดรหัสสายรัดเงินที่โยงใยกับเงินของกลางที่ปล้นจากบ้านของนายสุพจน์ พบว่ามีความหลายบริษัท 5-6 บริษัทที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับงานโครงการก่อสร้างหลายโครงการ หลายจังหวัด ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค รวมถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งในส่วนของ ปปง.จะตรวจสอบเฉพาะเงินได้จากการกระทำความผิดในโครงการก่อสร้างเท่านั้น ส่วนจะมีบริษัททีได้รับประมูลงานจะมีนักการเมืองระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นยังต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะเมื่อลงลึกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามีความสลับซับซ้อนมาก” เลขาธิการ ปปง.กล่าว


อ่านข่าวประกอบ : ส่งฟ้องปล้น′สุพจน์′สัปดาห์นี้



__________________


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 25
Date:
Permalink Closed



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7720 ข่าวสดรายวัน


ส่งฟ้องปล้น'สุพจน์'สัปดาห์นี้



ความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกฯ ที่บ้านเลขที่ 77 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 ได้เงินสดไปจำนวนมาก เมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย.2554 ต่อมาพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. สั่งการพล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับกก.สส.บก.น.4 นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 คน ยังหลบหนี 3 คน คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊งที่ได้เงินไปมากที่สุด นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงศ์ อายุ 35 ปี และนายคำนวณ หรือนวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ม.ค.พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน เปิดเผยว่า สำนวนคดีส่งมาที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของบช.น.แล้ว โดยเป็นเรื่องการสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีปล้น คาดว่าภายในสัปดาห์นี้คงส่งฟ้องศาลได้ แต่สำหรับเรื่องแจ้งความเท็จ ในชั้นนี้ยังไม่มี ต้องรอป.ป.ช.ตรวจสอบที่มาของเงิน

ด้านพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวว่า คงไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายสุพจน์ แต่จะนำข้อพิรุธต่างๆ ของนายสุพจน์ไปประกอบการสอบสวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นสิทธิของนายสุพจน์ว่าจะให้การอย่างไร โดยป.ป.ช.ตั้งข้อหาร่ำรวยผิดปกติ โดยเชื่อว่าเงินที่ถูกปล้นไปมากกว่าเงินที่แจ้งและเชื่อว่าไม่ใช่เงินสินสอดจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อพิรุธที่มีเงินจำนวนมากอยู่บ้านแล้วไม่แจ้ง ด้านการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่นั้นยังทำอย่างต่อเนื่อง โดยนายโก้ยังหลบอยู่ในลาว ส่วนนายนวนหลบอยู่พม่า ด้านนายเจี๊ยบหลบหนีหายไปเลย

หน้า 15


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ทุนเวียดนามแห่เข้าลาวระลอกใหม่หมายสกัดไทย-จีนครองอันดับ 1 อีกครั้ง!!! นักลงทุนจากเวียดนามทั้งเอกชนและบริษัทของรัฐ เรียงหน้าเข้าลาวอย่างเป็นระบบอีกระลอกหนึ่ง ระหว่างการเยือนของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ซึ่งมีการเซ็นความ ตกลงกับเอกสารบันทึกช่วยความจำนับสิบโครงการ นับเป็นการรุกครั้งใหญ่การลงทุนในประเทศนี้!!!


เวียดนามเคยเป็นนักลงทุนเบอร์หนึ่งในลาวมาก่อน แต่ได้กลายเป็นรองแชมป์ในช่วงปีหลัง หลังจากกลุ่มทุนผลิตไฟฟ้าจากไทยทุ่มเงินทุนเข้าโครงการใหญ่ ซึ่งรวมทั้งโรงไฟฟ้ากับเหมืองลิกไนต์ในเขตเมืองหงสา แขวงไซยะบูลี ด้วย


แต่ทุกอย่างกำลังจะพลิกกลับอีกครั้ง หนึ่ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามประกาศระหว่างการเยือนครั้งนี้ว่า นักลงทุนจากเวียดนาม พร้อมจะเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดอีกครั้ง ถ้าหากได้รับการอำนวยความสะดวกจากฝ่ายลาวมากยิ่งขึ้น


ตามรายงานของสำนักข่าวลาว การประชุมเกี่ยวกับการลงทุนที่จัดขึ้นในนครเวียงจันทน์ มีเข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน และได้มีการจัดตั้ง บริษัทเวียดนามขึ้นในลาวอีก 4 แห่ง นายกฯ เวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋น กับนายกฯ ลาว ทองสิง ทำมะวง ร่วมกันเป็นสักขีพยาน


กลุ่มหว่างแองซาลาย Hoang Anh Gia Lai ของนายดว่านเงวียนดึ๊ก Doan Nguyen Duc นักธุรกิจเพียงคนเดียวจากเวียดนามที่ติดอันดับทอปเทนของหนังสือ- พิมพ์เอเชียนวอลสตรีทเจอร์นัลเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับอนุญาตจัดตั้งบริษัท เพื่อก่อสร้างเขื่อนน้ำกง 2 และ 3 ในอัตตะปือ มูลค่า 135 ล้านดอลลาร์


กลุ่มบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติเวียด- นามหรือปิโตรเวียดนาม PetroVietnam กับ BIM Group เจ้าของสายการบินแอร์ แม่โขงจัดตั้งบริษัทสำหรับโครงการจำหน่ายน้ำมันชื้อเพลิง กับโครงการเวียงจันทน์คอมเพล็กซ์ทันสมัยมูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์ โดยกลุ่มหลัง


กลุ่มหว่างแองซาลายกลุ่มเดียวยังเซ็น เอ็มโอยูอีก 4 โครงการ ว่าด้วยโครงการสนามบิน 2 แห่งในหัวพันกับอัตตะปือ และเซ็นเอกสารเพื่อสำรวจเขื่อนผลิตไฟฟ้าอีก 4 แห่งรวด คือ น้ำแอด 1 2 และ 3 ในแขวงหัวพันกับเซซูในอัตตะปือ สองแขวงในภาคเหนือและภาคใต้ของลาว


เวียดนามเป็นหนึ่งใน 52 ประเทศกับ ดินแดนที่เข้าลงทุนในลาว แต่ทุนจากเวียด- นามกระจายอยู่ในทุกแขวง เหนือจรดใต้ ยกเว้นเพียงแขวงบ่อแก้ว ที่อยู่ติดชายแดนไทยสื่อของทางการกล่าว


ในช่วง 20 ปีจนถึงเดือน ส.ค.ปีนี้การ ลงทุนจากเวียดนามได้รับอนุมัติไปทั้งหมด 422 โครงการ รวมมูลค่า 3,570 ล้านดอลลาร์ เฉพาะในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้เงินลงทุนมี จำนวน 469 ล้านดอลลาร์ มากด้วยโครงการ แต่เงินลงทุนยังน้อยกว่าไทย สำนักข่าวสาร ปะเทดลาวกล่าว


อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีลาวแสดงความพอใจการลงทุนจากเวียดนาม ที่กระจายในหลายแขนงเศรษฐกิจ รวมทั้งยังเน้นหนัก ไปทางด้านบริการ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการสร้างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูง เฉลี่ยกว่า 7% ต่อปีในหลายปีมานี้


ตามสถิติของทางการ เวียดนามได้ทุ่มลงทุนในแขนงบริการรวม 1,070 ล้านดอล- ลาร์ แขนงผลิตไฟฟ้า 867.6 ล้าน อีก 791 ล้านดอลลาร์ เป็นแขนงการเกษตรและอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มทุนเวียดนามเป็นเจ้าของ พื้นที่สวนยางพารามากที่สุดในลาว


อีกไม่เกิน 3 ปี นครเวียงจันทน์จะมีอาคารสูงหลังใหม่สูง 11 ชั้น โครงการเวียงจันทน์คอมเพล็กซ์ของกลุ่มบีไอเอ็มจาก จ.บี่งดิง Binh Dinh ยังจะมีทั้งโรงแรม 5 ดาวหลังแรก ศูนย์การค้าใหญ่แห่งใหม่กับอาคารที่อาศัยและสำนักงานสุดหรูอีกด้วย


ลาวกับเวียดนามมีความผูกพันใกล้ชิด กันที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงปีแห่งการต่อสู้เพื่อเอกราช สายสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาก็คล้ายกันและทั้งสามประเทศซึ่งนำ โดยเวียดนามเคยประกาศรวมตัวกันเป็นกลุ่ม "สามชาติอินโดจีน" มาแล้ว ซึ่งแสดงฐานะสำคัญทางยุทธศาสตร์ความมั่นคงระหว่างกัน!!!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

--------------------------------------------------------------------------------
From: Lao Nhay USA
To: "laosnetworkroom@googlegroups.com"
Sent: Wednesday, 1 February 2012 4:39 AM
Subject: Re: meeting in March



ສະບາຍດີ ທຸກຯທ່ານທີ່ນັບຖື,


ເວົ້າເຖິງເຣື່ອງ ກອງປະຊຸມການເມືອງທີ່ຈະຈັດຂື້້ນຢູ່ທີ ນະຄອນຫລວງ ວໍຊິງຕັນ ດີຊີ ໃນວັນທີ 10 ຫາ 11 ມີນາ 2012 ນັ້ນ ແມ່ນຈະມີຂຶ້ນແທ້ຈິງ ແຕ່ຈຸດປະສົງເປົ້າໝາຍຂອງກອງປະຊຸຸມ ແມ່ນຈະສືບຕໍ່ປຶກສາ
ຫາລືກັນ ໃນການແກ້ໄຂບັນຫາຊາດລາວ ໂດຍທາງສັນຕິວິທີ ໃຫ້ອາດສາມາດສໍາເລັດລົງໄດ້ ຢ່າງນ້ອຍ
ໃນຮູບອູປະທັມໃດນຶ່ງ ໃນປິ 2012 ນີ້ ຊຶ່ງບັນຫາການແກ້ໄຂໂດຍສັນຕິວິທີນີ້ ແມ່ນໄດ້ຕົກລົງກັນເປັນ
ເອກກະສັນກັນແລ້ວ ໃນກອງປະຊຸມການເມືອງລາວສາກົນ (International Lao Political Conference) ຄັ້ງວັນທີ
29 ຕຸລາ 2011 ຢູ່ທີ່ ວໍຊິງຕັນ ດີຊີ ຜ່ານມານີ້ເອງ. ແລະ ເພື່ອເປັນການເປີດກວ້າງ ໃຫ້ທຸກອົງການການເມືອງ
ລາວ (Lao Political Organizations Abroad) ຢູ່ນອກປະເທດທົ່ວໂລກ ໄດ້ມີໂອກາດເຂົ້າຮ່ວມປຶກສາຫາລືເປັນ
ສຽງສ່ວນຫລາຍ ໃນການຫາແບບແຜນແລະວິທີການແກ້ໄຂເປັນທັມຮ່ວມກັນໄດ້ ກ່ອນໂອກາດບຸນປີໃໝ່
ລາວ 2012 ນີ້, ກອງປະຊຸມ ຄັ້ງວັນທີ 29 ຕຸລາ ນັ້ນ ຈຶ່ງໄດ້ລົງມະຕິແຕ່ງຕັ້ງ ຫົກ (6) ອົງການຈັດຕັ້ງທີ່ເຂົ້າຮ່ວມ
ປະຊຸຸມ ເປັນຄະນະຜູ້ປະສານງານຊົ່ວຄາວ ເພື່ອຮຽກປະຊຸມອົງການການເມືອງທົ່ວອາເມຣິກາແລະຕໍ່ໄປ.
ຫົກ (6) ອົງການການເມືອງຜູ້ເປັນຄະນະປະສານງານຊົ່ວຄາວ ປະກອບດ້ວຍ:


1. ອົງການຮ່ວມພລັງຊາດລາວ ຕາງຫນ້າໂດຍ ທ່ານ ພ.ອ. ຄໍາແທ່ນ ຈິນຍາວົງ;
2. ອົງການສິດທິມະນຸດຊົນລາວຍຸກໃໝ່ ຕາງຫນ້າໂດຍ ທ່ານ ດຣ.​ ຣິຊາດ ວ. ໄຊສະມອນ;
3. ອົງການລາວເປັນລາວຍຸກໃຫມ່ ຕາງຫນ້າໂດຍ ທ່ານ ສົມດີ ຣາສີ;
4. ອົງການລາວໃຫຍ່ ຣິພັບບລິກກັນ ຕາງຫນ້າໂດຍ ທ່ານ ກົດສະດາຣີ ພິມມະສອນ;
5. ອົງການ P.G.N.U.E ຕາງຫນ້າໂດຍ ທ່ານ ດຣ. ວິນລຽມ ບົວຣອຍ, ແລະ
6. ອົງການສິດທິມະນຸດຊົນຕູບີລີຟຸງ ຕາງຫນ້າໂດຍ ຍານາງ ລີລີ ລີຟຸງ.


ຈາກນັ້ນ ເພື່ອໃຫ້ວຽກງານການເມືອງຂອງຊາດລາວພວກເຣົາ ໄດ້ເດີນແມ່ນແລ່ນສະດວກ ທັງເໝາະສົມ,
ກອງປະຊຸມຈຶ່ງໄດ້ລົງມະຕິເປັນເອກກະພາບກັນ ຮັບຮອງເອົາ ນະຄອນຫລວງ ວໍຊິງຕັນ ດີຊີ ເປັນ ສູນກາງ
ປະສານງານ ແລະ ມອບໝາຍພາລະຫນ້າທີ່ ໃຫ້ອົງການພລັງຮ່ວມຊາດລາວ ເປັນຜູ້ປະສານງານຊົ່ວຄາວ
ກັບທຸກອົງການໃນປັດຈຸບັນນີ້.


ໃນວັນທີ 15 ພຶສຈິກາ 2011 ທັງ ຫົກ ອົງການປະສານງານ ໄດ້ເຫັນພ້ອມກັນປະສານເຮັດວຽກຮ່ວມກັນຊົ່ວ
ຄາວ ໂດຍມີຫລັກການປະຕິບັດອັນເໝາະສົມ ແລະ ໄດ້ກຽມເຊື້້ອເຊີນອົງການຈັດຕັ້ງການເມືອງລາວຢູ່ອາ
ເມຣິກາທີ່ເຫັນພ້ອມນະໂຍບາຍແກ້ໄຂການເມືອງລາວໂດຍສັນຕິວິທີ ເຂົ້າມາຮ່ວມກອງປະຊຸມພ້ອມກັນ
ຊອກຫາຮັບຮອງເອົາແຜນການແລະວິທີການແກ້ໄຂອັນເປັນທັມ ໃຫ້ໄດ້ໃນປີນີ໊ ຄືແນວໃດ.


ດັ່ງນັ້ນ ຂພຈ ໃນຖານະ ຮັບຜິດຊອບການປະສານງານຮ່ວມຊົ່ວຄາວຜູ້ນຶ່ງ ໃນຄະນະ ຫົກ (6)
ອົງການດັ່ງກ່າວຂ້າງບົນ ຈຶ່ງຂໍອະນຸຍາດ ຕາງຫນ້າໃຫ້ຄະນະທັງໝົດ ໄດ້ໃຫ້ທັສນະຄວາມເປັນມາຂອງ
ກອງປະຊຸມການເມືອງຄັ້ງວັນທີ 29 ຕຸລາ 2011 ຕໍ່ບັນດາທ່ານຜູ້ຮັກຊາດລາວ ຊາດນິຍົມ ທີ່ກໍາລັງ ອູທິດ
ຊິວິດ ເລືອດເນື້ອ ເຫື່ອແຮງ ສະຕິປັນຍາ ປັດໃຈ ແລະ ເວລາອັນລໍ້້າຄ່າ ຂອງ ຕົນ ມໍຣະສຸມເຂົ້າໃສ່
ໃນການອອກແຮງ ປຸກລະດົມເຕົ້າໂຮມ ຮ່ວມຈິດຮ່ວມໃຈກັນ ຊຸຸກຍູ້ຕໍ່ສູ້ຢ່າງພິລາດອາດຫານຊານໄຊ
ເຣັດແນວໃດ ໃຫ້ທຸງໄຊແຫ່ງພຮະຣາຊອານາຈັກລາວລ້ານຊ້າງຮົ່ມຂາວວີຣະຊົນໃນເມື່ອກ່ອນ ໄດ້ກັບຄືນ
ປິວສະບັດ ຢ່າງອົງອາດສະຫງ່າງາມ ຢູ່ບົນທ້ອງຟ້າສີທອງຂອງພຮະມະຫານະຄອນຫລວງວຽງຈັນວີຣະຊົນ
ຍຸກໃໝ່.


ສ່ວນວຽກງານການເມືອງຂອງທ່ານ ດຣ. ວິນລຽມ ບົວຣອຍ ທີ່ໄດ້ປະຕິບັດ ຢູ່ໃນຂະນະນີ້ນັ້ນ ຂພຈ ຂໍສັນ
ລະເສີນ ຍົກຍ້ອງຄວາມຮັກຊາດອັນແຮງກ້າແລະສູງສົ່ງຂອງເພີ່ນ ແລະເພີ່ນເອງກໍໄດ້ປະຕິບັດ ສະເພາະ ໃນ
ນາມແລະຂອບເຂດຂອງການຈັດຕັ້ງຂອງເພີ່ນເອງ ຍັງບໍ່ທັນແມ່ນໃນນາມຂອງ ຫົກ (6) ອົງການປະສານ
ງານເທື່ອ ເພາະຍັງບໍ່ທັນໄດ້ຜ່ານປະຊາທິປະໄຕໃນຄະນະຮ່ວມປະສານງານເທື່ອ. ອາດເພີ່ນຈະນໍາສເນີເຂົ້າກອງປະ
ຊຸຸມ ຄັ້ງວັນທີ 10 ແລະ 11 ມິນາ 2012 ນີ້ ເພື່ອການພິຈາຣະນາ ກໍເປັນໄດ້. ແຕ່ໃນປັດຈຸບັນ ເພີ່ນປະຕິບັດຕາມຫລັກ
ການ ຂໍ້ 6 ຂອງຄະນະວາງອອກ ບົ່ງບອກໄວ້ວ່າ:​ ໃຫ້ທຸກອົງການປະຕິບັດວຽກງານຂອງໃຜລາວ ໄປຕາມເດີມ ຕາມ
ພາຫະນະ ທີ່ມີ. ອີກເທື່ອນຶ່ງ ຂພຈ ຂໍຮັບຊາບຜົນງານຊາດອັນດີເດັ່ນຂອງ ທ່ານ ດຣ. ບົວຣອຍ ສເມີມາ.


ຂພຈ ຂໍຖືໂອກາດນີ້ ສະແດງຄວາມຂອບໃຈ ຕໍ່ບັນດາທ່ານທີ່ໄດ້ໃຫ້ກໍາລັງໃຈແລະໂອ້ລົມສົນທະນາ ນໍາ ຂພຈ
ໃນເຣື່ອງ ສເນີຍົກສູງສະຕິລະວັງຕົວຂຶ້ນຕື່ມ ແລະ ຂໍອະໄພທີ່ບໍ່ໄດ້ຕອບສະເພາະສ່ວນຕົວ ແຕ່ໄດ້ບັນທຶກຄວາມ
ຊົງຈໍາຂອງທ່ານເອົາໄວ້ເປັນຢ່າງດີ. ຄິດວ່າ ຄົງຈະໄດ້ຮ່ວມສົນທະນາແລກປ່ຽນປະສົບການນໍາບັນດາທ່ານ ສເມີໄປ
ຈົນຮອດປີໃໝ່ລາວ ພຸ້ນລະນໍ.


ອວຍພອນທຸກທ່ານ ຈົງສົມຫວັງໃນຄວາມປາຖນາທຸກຢ່າງອັນຊອບທັມ.


ຮັກແພງ ແລະ ນັບຖື,


ກົດສະດາລີ ພິມມະສອນ
ໂທຣ.​ 559.579.0375





--------------------------------------------------------------------------------
From: Tanh Oukhaty

Subject: RE: meeting in March



ທ່ານ ດຣ ບົວຣອຍ ທີ່​ນັບຖື


ການ​ຮ​ອບຄອບ ຣະມັດຣະວັງ ​ເປັນ​ສິ່ງ​ທີ່​ດີ ​ເພາະ ​ແນ​ວລາວ​ຈະ​ເຄື່ອນ​ໄຫວ​ເພື່ອທຳລາຍ ລາວ​ນອກ ຢ່າງຮອບດ້ານ
​ໃຊ້​ລາວ ນອກ​ທຳລາຍ ລາວ​ນອກ ​ໃຊ້​ຄົນ​ໃກ້​ສິດ ​ເປັນ​ສາຍ​ສືບ ​ເພື່່ອ​ເຂົາ​ຈະ​ໃຊ້ສມູນ ທຳລາຍ​ວຽກ​ງານ​ທີ່​ເຮົາ​ທຳ.


ການ​ກວດ​ຄົນ​ທີ່​ເຮັດ​ວຽກ​ໃກ້​ສິດ​ຄວນ​ເຮັດ​ໃຫ້​ຮອບ​ຄອບ.


ພາສິດ​ລາວ​ຍັງ​ກ່າວ​ວ່າ:
ຊາດ ທີ່​ພາສາ​ເຊື້ອ ​ແນວ​ເສືອ ຢ່າ​ໄດ້​ແອ​ບ​ເອົາ​ເນີ
To: Laos Network
Sent: Monday, January 30, 2012 5:09 PM
​ໃຫ້​ເຈົ້າ​ແອບ​ເອົາ ​ແຕ່​ເຊື້ອ​ລູກຊ້າງ ມາ​ສ້າງ​ສືບ​ເຮືອນ.


ຮັກ​ແພງ...............ຕັນ






--------------------------------------------------------------------------------
From: Wkbouarouy@aol.com
Date: Mon, 30 Jan 2012 10:37:34 -0500
Subject: Fwd: meeting in March
To: phom.soudhasa@gmail.com
CC: laosnetworkroom@googlegroups.com


Sabaidee Tharn Phom:

Jao. Thank you for your compliment to provide me your advises. I appreciated that very much. I and the chairman of this conference will be screening another round to prevent those type of crises to be occurred. I will not speculate the circumstance, but I knew myself that very few of them who pro-left so far that I knew, but will deal with it with the fairness manner since we are the majority.

I am very serious and very strictly how to deal with the lackeys of the communist Pathet Lao who are trying with their fifth plans to destroy us in for foreign lands since 1975 up to now. Since their plan 1 through 4 had been accomplished. Now this is the last plan that they are using to destroy all of us.

Right after March's meeting, we also will be planning for the general democratically election meeting to elect for our leader with the country who will host us to achieve this ideal. I will keep everyone posted.

Thank you,
Dr. Bouarouy...


--------------------------------------------------------------------------------
From: phom.soudhasa@gmail.com
Reply-to: laosnetworkroom@googlegroups.com
To: laosnetworkroom@googlegroups.com
Sent: 1/30/2012 4:23:34 A.M. Eastern Standard Time
Subj: Re: meeting in March


Nub thu Dr Bouaroy,


It is good to organise the meeting in March, 10-11. at Washington DC.



I am happy to see your good work for Lao people and I would like to say some idea here:



This is for the submitted letter only:
If you get support up to 17 organizations that is very good. Please do not forget to check the empty organization
or Pro - Neo Lao organization, when you add their organization in without their consent then they complained about the name in the letter. After the investigation, your letter will be voided.


I have a story in Australia.
Mrs Pauline Hanson was a MP to oppose the Asia migrants living in Australia. Since then she became famous woman after the term run out she could not reelect because two major parties did want to have the racism in Australia ( no preference for her ).
Then she set up the new party again and she added a person in the political party with out consent but that person complained then she was fined and was sent to the jail.


The spy and enemy can stop you in all ways, please be careful.


The number is no need to get too many, if you get 50% +1 that means a majority in the worldwide system.


Hak phaeng


Phom,


On Mon, Jan 30, 2012 at 1:27 PM, wrote:

Dear Mr. Toukhaty:

Jao, thank you for your compliments. We cannot wait for no one to start up this process. There will be more than 30 some organizations will be support this ideal. That's why we will hold our meeting at the metropolitan Washington, D.C. area again on 3/10-11/2012 to endorse this plan and strategy to implement. We also could not wait any longer. I will keep the forum and the members posted.

Thank you,
Dr. Bouarouy..


--------------------------------------------------------------------------------
From: toukhaty@hotmail.com
Reply-to: laosnetworkroom@googlegroups.com
To: laosnetworkroom@googlegroups.com
Sent: 1/29/2012 8:17:19 P.M. Eastern Standard Time
Subj: RE: ???????????????? ?????????? ???? ???????????????????.


ທ່ານ ດຣ ວິນລຽມ ບົວຣອຍ ທີ່ນັບຖື


ຖ້າຫາກມີປະເທດໃດປະເທດນຶ່ງ ທີ່ເປັນເຈົ້າພາບ ໃຫ້ໃນການຄັດເລືອກເອົາຜູ້ນຳຄົນນຶ່ງ ຕາງຫນ້າ ໃຫ້ຄົນລາວນອກທີ່ຮັກຊາດຮັກປະຊາທິປະໄຕ
ແລະ ເຮັດແບບດຽວກັນ ກັບ ທີເບດ. ປະເທດເຈົ້າພາບ ມີຄວາມຍິນດີ ຮັບຮູ້ ສນັບສນູນ ອີກ ກໍຖືເປັນບຸນລົ້້ນຟ້າ ລົ້ນແຜ່ນດິນ ທີ່ມີປະເທດໃຈບຸນມາຊ່ວຍ.


ຂໍສນັບສນູນເຕັມທີ່ ເພາະ ເຮົາເຮັດການຕໍ່ສູ້ ຕ້ອງຢືນຢູ່ຕາມຄວາມເປັນຈິງ ແລະຢູ່ໃນຂອບເຂດກົດຫມາຍສາກົລ. ດັ່ງນັ້ນສາກົລຈຶ່ງຈະຮັບຮູ້.


ຮັກແພງ................................ຕັນ






--------------------------------------------------------------------------------
From: Wkbouarouy@aol.com
Date: Sun, 29 Jan 2012 10:16:07 -0500
Subject: Fwd: ???????????????? ?????????? ???? ???????????????????.
To: say.nevasanh@gmail.com; bounkhong.arounsavat2@gmail.com
CC: laosnetworkroom@googlegroups.com


Sorry, resent.. due to email unsuccessful sent


--------------------------------------------------------------------------------
From: Wkbouarouy@aol.com
To: say.nevasanh@gmail.com, bounkhong.arounsavat2@gmail.com
CC: laosnetworkroom@gooblegroups.com
Sent: 1/29/2012 10:11:49 A.M. Eastern Standard Time
Subj: Fwd: ???????????????? ?????????? ???? ???????????????????.


Dear Mr. Say:

May I share my thoughts, ideas, believes and philosophies with this forum and its members here? At any time, we are not going to bow down to the communist Pathet Lao when they are so weaken like this time around. They failed to manage the country completely. That's how we must do something about our country without any delay. I have different ideas than yours, due to the problems of Laos are different from Burmese people. The Burmese problems are between the Burmese Vs. Burmese people, but the problems of Laos are the problems between the Lao people Vs. Vietnamese dictatorship... far ways different though!!!

Since we have many organizations formed up in the foreign lands, in order for us to be fair to every group to select our leader, I have been contacted the country who will recognize us the first country. Also that will be the first country and she will host our general election for the Lao-Overseas-People and its leader to become a democratically leader around the world, and be prepared sir. We will use the same style of Tibetan had been democratically elected their Prime Minister to run the business as usual to support their cause.

Again, that leader after elected to the floor must have his/her plan in place to bring the case of Laos to the UN Tribunal Court of Justice and the International Court of Justice at the Hague, the NETHERLAND with no delay. That leader also must came from the people, by the people and for the Lao people. After then, we will be declared a legitimate opposition party (Vs.) Neo Lao who gain the power in the country now.

Any government and its leader must have the consent of the people governed. The consent must be obtained through a democratic system of inquiry by which the people choose individuals and ideas from among themselves that have freely and uninhibitedly arisen for their consideration. The consent must not be obtained through manipulation of the stimulants of fear.

We, the citizens of Laos national living in the free world countries are not so persuaded as our brothers and sisters at home to offer the hollow, fear-induced consent. Therefore, find it our duty to declare the present government of Laos illegitimate and demand, on behalf of all our countrymen and women, that such government be abolished and a new one, democratic in form, be established in its place. Remember, real political opposition has not been tolerated.

Many Lao overseas people and many of our brothers and sisters at home have imprisoned and persecuted with the goal of maintaining the communist state for 36 years passed-by now. These attempts have gone materially unanswered and the lack of legitimacy remains. Anyhow, the 12 rounds championship is on the way, but the tenth rounds had been completely done, but the only 2 more rounds to get rid of it to win either the knock-out or to win the count.

To be honest with all of you, we went that far further though, we are not at the beginning at all since I interpret your comments here you did not measure the accomplishments that we had been get rid of them. This is our challenging day-to-day basis. I still have more ideas to measure and to share with the forum, but let's stop here for now. Finally, let's approaching the people the right way of the right path to pursue to win this battle.

Also please challenging and used the FIFO and LIFO methods to run the business as our successful system. The FIFO is short for: First In - First Out, and LIFO is short for: Last In - First Out... So, please be prepared for this up coming events. We will make our 2012 will be the year of our accomplishments of all type of the business that we committed to get the job done. So far I reached out more than 17 organizations and its leaders to be cooperated along with this event. We will be trying to reach out more though. We are not going to keep continuing to commit ourselves to be failed, but to win. Only patience is the key of success. Your comments are welcome...

Thank you,
Dr. Bouarouy...


--------------------------------------------------------------------------------
From: say.nevasanh@gmail.com
Reply-to: laosnetworkroom@googlegroups.com
To: laosnetworkroom@googlegroups.com
Sent: 1/29/2012 7:04:43 A.M. Eastern Standard Time
Subj: ການແກ້ໄຂບັນຫາລາວ ຄວນເຮັດແບບ ວິທີ ເຜິ້ງດູດເກສອນດອກໄມ້.


ທ່ານຜູ້ອາວຸໂສ ແລະ ລາວນອກທີ່ນັບຖື


ການແກ້ໄຂບັນຫາລາວ ຄວນ ເຮັດແບບ ວິທີ ເຜິ້ງດູດເກສອນດອກໄມ້.
ຖ້າຈະເວົ້າໄປແລ້ວ ກໍແມ່ນແບບດຽວກັນ ບົວບໍ່ຊ້ຳນ້ຳບໍ່ຂຸ່ນ


ແປຄວາມຫມາຍ ເສີຣີປະຊາທິປະໄຕ ກໍໄດ້ ແລະ ພັກຄອມມີວນີສກໍບໍ່ຕາຍ


ເຮັດແບບດຽວກັບພະມ້າ.


ຮັກແພງ


ຊາຍ











__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed


http://www.nationmultimedia.com/national/Ubon-man-held-for-people-smuggling-30174896.html
Ubon man held for people smuggling
The Nation February 1, 2012 1:00 am
An Ubon Ratchathani man was arrested in Saraburi's Nong Khae district while trying to smuggle 20 Laotians in his pickup truck to Pathum Thani's Khlong 10 area, AntiHuman Trafficking Division chief Pol MajGeneral Chawalit Sawaengpeuch said ...yesterday.

After an investigation turned up information that three trucks loaded with Laotians would pass through the area, police arrested Withoon Thongsin, 32, with 11 men, eight women and a child from Laos in his truck. They had reportedly paid Withoon Bt1,600 per head to transport them to Pathum Thani, from where they were planning to travel to Bangkok to find jobs.

The arrest stemmed from information gleaned during the earlier capture of traffickers smuggling Laotians in Ubon Ratchathani. Withoon, whom police believe had engaged in the activity many times before, earning about Bt30,000 each time, faced charges of harbouring or assisting illegal immigrants, while the Laotians were facing charges of illegal entry.Mehr anzeigen
Ubon man held for people smuggling - The Nation
www.nationmultimedia.com
Ubon man held for people smuggling The Nation An Ubon Ratchathani man was arrested in Saraburi's Nong Khae district while trying to smuggle 20 Laotians in his pickup truck to Pathum...

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000012571

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ตำหมากฮู่ง : ความเป็นมาที่ถูกใจคนลาว
วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 11:00:00 น. matichon









ตำหมากฮู่ง โดย ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์




(ที่มา นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2555)

ตำหมากฮู่ง เป็นสุดยอดอาหารโปรดของคนลาวโดยเฉพาะบรรดาคุณสุภาพสตรี ส้มตำเป็นอาหารที่มีรสชาติปานกลางประกอบด้วย เผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ครบทุกรส เมื่อรับประทานคู่กับไก่ย่าง ข้าวเหนียวและผักสด แล้วก็ถือว่าเป็นมื้ออาหารที่มีคุณภาพดี ถึงขั้นดีมาก


ตำหมากฮู่งประกอบด้วย หมากฮุ่ง คนสยามเอี้นว่า มะละกอ ดิบสับเป็นเส้น พริกขี้หนู กระเทียม มะเขือเทศ มะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี เท่านี้ก็อร่อยแล้ว ถ้าเพิ่มปูเค็มหรือปลาแดกอย่างดีก็จะเป็นที่ถูกปากยิ่งขึ้น ส่วนการปรุงนั้นก็แล้วแต่รสมือของคนทำเพราะลูกค้าบางคนก็เน้นเผ็ดนำ บางคนขอหวานมากหน่อย หลายคนก็ต้องมีเปรี้ยวโดดๆ ฉะนั้นรสปากใครก็รสปากคนนั้น


เมื่อสืบสาวราวเรื่องถึงประวัติความเป็นมาของตำหมากฮู่งก็มาจนด้วยปัญญา เพราะเราจะพบกับชุดคำตอบว่า ก็ทำมาตั้งแต่ปูย่าตาทวดแล้ว จึงต้องมีการสืบเสาะ แสวงหาข้อเท็จจริงมาประมวลและเรียบเรียงให้ได้เรื่องสักครั้งหนึ่งก่อน ส่วนผู้อ่านท่านใดจะร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อคิด ความเห็นก็เชิญตามสะดวก


ต้องเริ่มที่มา หมากฮู่ง มะละกอก่อน กล่าวกันว่า หมากฮู่ง มะละกอเป็นพืชที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ทวีปอเมริกากลาง และได้แพร่หลายเข้ามาส่กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ก่อนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ว เพราะท่านราชทูต เดอ ลา ลูแบร์ ได้บันทึกไว้ว่า พบผลหมากฮู่ง มะละกอ แต่ชาวสยามเรียกว่าแตงไทย (melon)


มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งในราว พ.ศ. 2475-79 รัฐบาลสยามได้สนับสนุนให้ชาวไร่ชาวนาปลูกหมากฮู่ง มะละกอเพื่อนำมาสกัดเอายางมะละกอสำหรับส่งขายต่างประเทศ โดยยกตัวอย่างประเทศศรีลังกาว่าสามารถขายยางหมากฮู่ง มะละกอได้ปีละ 300,000 กว่าบาท โดยส่งออกไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับทำ "หมากฝรั่ง" ในตอนนั้นจึงมีการส่งเสริมปลูกกันมาก และมีการนำเข้ามะละกอพันธุ์ฮาไวเอียนมาเพื่อคัดเลือกสายพันธุ์โดยใช้โรงเรียนกสิกรรม ตำบลทับกวาง เป็นสถานีทดลอง


เมื่อทราบว่าหมากฮู่ง มะละกอปรากฏอยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนานแล้ว แต่ทำไมจึงนำมาผนวกเข้ากับการปรุงอาหารแบบไทยๆ ได้ ก็ควรจะต้องสอบสวนตำราอาหารของคนไทยในยุคต่างๆ ว่ามีการขีดเขียนบันทึกไว้หรือไม่?


ตำราอาหารแม่ครัวหัวป่าก์ ของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2451 (ในสมัยรัชกาลที่ 5) ไม่ปรากฏว่ามีสูตรอาหารที่ชื่อว่าตำหมากฮู่ง ส้มตำเลยมีเพียงอาหารที่ใกล้เคียงกัน แต่พอจะนับเนื่องได้ว่าคล้ายตำหมากฮู่ง ส้มตำ โดยใช้มะขามเป็นส่วนผสมหลักในชื่อว่า ปูตำ ปรากฏอยู่ในเล่มที่ 3 น. 98


แล้วคนลาวมีอาหารที่เรียกว่าตำหมากฮู่ง ส้มตำรับประทานกันบ้างหรือไม่ ในอดีตเราก็มี ตำราอาหารที่เรียกว่าข้าวมันส้มตำ ปรากฏอยู่ในตำราอาหารเก่าๆ เช่น ตำรับเยาวภา ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือข้าวมันหุงด้วยกะทิ และตำหมากฮู่ง ส้มตำซึ่งใช้หมากฮู่ง มะละกอเป็นหลักแต่มีส่วนผสมที่มากกว่าสูตรของคนลาว ภาค ตาวันออกเฉี่ยงเหืนอ คือมีกุ้งแห้งกับถั่วลิสงป่น และปรุงรสชาติแบบนุ่มนวลไม่จัดจ้าน ค่อนข้างไปทางหวานนำ


เมื่อคราวไปสำรวจโบราณสถานศรีเทพกับสมาคมประวัติศาสตร์ฯ พ.ศ. 2552 นั้นได้พบกับ ดร. ประเสริฐ ณ นคร อายุ 92 ปี (เกิด 21 มีนาคม 2461) ท่านได้ให้ข้อมูลว่าเมื่อท่านอายุได้ 10 ขวบ อาศัยอยู่ที่แพร่ ท่านได้เงินวันละ 2 สตางค์ ไปโรงเรียนและได้ซื้อตำหมากฮู่ง ตำส้มมารับประทานจานละ 1 สตางค์ ท่านเล่าว่าก็เป็นส้มตำแบบปัจจุบันนั่นเอง มีมะละกอสับเป็นส่วนประกอบหลัก


เมื่อมีโอกาสพบกับ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร (เกิด 14 พฤศจิกายน 2472) ก็ได้สอบถามท่านเกี่ยวกับเรื่องส้มตำ ท่านเล่าว่า เมื่อท่านมาเรียนที่ขอนแก่น (โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน) ก่อน พ.ศ. 2487 ท่านก็ได้รับประทานตำหมากฮู่ง ส้มตำอย่างปัจจุบันแล้ว คือ มีหมากฮู่ง มะละกอเป็นหลัก ผสมด้วยปูเค็มหรือปลาแดก แล้วแต่ชอบ หากไม่มีหมากฮู่งมะละกอก็นำผักหญ้าในท้องถิ่นมาปรุงก็ได้ เช่น กล้วยดิบ มะเฟือง แตงกวา มะยม


เมื่อตรวจสอบต่อไปอีก ก็ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับร้านไก่ย่าง ตำหมากฮู่งที่น่าสนใจมากคือ ร้านไก่ย่าง ส้มตำ ข้างสนามมวยราชดำเนิน ชื่อร้านไก่ย่างผ่องแสง เจ้าของร้านชื่อด้วงทอง ซึ่งเคยเป็นมือตำหมากฮู่งให้กับร้านเฟื่องฟูมาก่อน


อาหารลาว ระดับตำนานก็คงต้องยกให้ร้านตำหมากฮู่งไก่ย่าง ข้างสนามมวยราชดำเนิน ในอดีตนั้นอาหารอีลาวไม่สามารถหารับประทานได้ง่ายอย่างในปัจจุบัน หากชาวบางกอกต้องการลิ้มรสอาหารอีลาวก็ต้องนัดหมายกันที่ร้านแถวข้างสนามมวยราชดำเนิน


สนามมวยราชดำเนินสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2488 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของที่ดิน ในคราวนั้นได้มีการอพยพย้ายถิ่นของชาวลาวจำนวนมากเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยเข้ามาพักอาศัยอยู่ริมสนามมวยราชดำเนินทำนองเพิงชั่วคราวและได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมใหญ่ของอาหารลาวซึ่งชาวบางกอกก็ร่วมลิ้มรสอาหารด้วยเช่นกัน และเริ่มเป็นที่กล่าวขวัญถึงของสังคมบางกอก


ผมขอสรุปบทความเรื่อง ตำหมากฮู่ง ส้มตำเจ๊ด้วง ของเพรียวซึ่งพิมพ์อยู่ในนิตรสารสารประชาชน ประจำวันที่ 18 เมษายน 2508 ว่าคนลาวคงจะอพยพย้ายถิ่นมาทำมาหากินในกรุงเทพฯ ราว พ.ศ. 2490 คือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ทำให้เกิดชุมชนชาวลาว ขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือบริเวณข้างสนามมวยราชดำเนิน ปลูกสร้างกันในลักษณะเพิงที่พักชั่วคราว ใครมีทุนมากหน่อยก็ปลูกเป็นเรือนไม้ คุณด้วงทอง เจ้าของร้านส้มตำไก่ย่างผ่องแสงก็เข้ามาเป็นลูกมือตำหมากฮู่งในราว พ.ศ. 2493 จนนายจ้างเจ้าของร้านชื่อเฟื่องฟูเพิ่มค่าจ้างจากเดือนละ 50 บาท จนเป็นหลายร้อยบาท พร้อมกับสวัสดิการครบ จนพอจะเก็บเพื่อทำเป็นทุนได้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2501 ได้มีการสร้างอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นขึ้นเพื่อทดแทนบ้านไม้ของเดิม คุณด้วงทองก็ได้เข้าซื้อด้วย 1 คูหา ในราคา 50,000 บาท พร้อมกับหนี้สินที่หยิบยืมผู้ที่เคารพนับถือมา ต่อมาไม่นานคุณด้วงทองก็สามารถใช้หนี้สินหมด ด้วยปริมาณการขายอยู่ที่การใช้มะละกอวันละ 100 ผล ไก่ย่างวันละ 120 ตัว หากวันไหนมีรายการมวยพิเศษ ยอดการจำหน่ายจะสูงเป็นเท่าตัว


เมื่อประมวลข้อมูลต่างๆ เหล่านี้แล้วพอจะสรุปได้ว่าส้มตำอย่างชาวลาวรับประทานนี้มีมานานแล้ว และถูกเรียกในภาษาลาวท้องถิ่นว่า ตำหมากฮู่งโดยใช้ผักผลไม้ใดๆ ก็ได้ที่มีตามฤดูกาลแต่จะให้อร่อยก็ต้องใช้มะละกอดิบ ต่อมาเมื่อเกิดการอพยพย้ายถิ่นของชาวลาวเพื่อมาทำกินในกรุงเทพฯ จึงนำวัฒนธรรมการบริโภคติดตามมาด้วย จนเกิดความนิยมอย่างรวดเร็วในสังคมชาวบางกอก


เกิดเป็นกระแสว่าหากจะหาอาหารลาวรับประทานก็ต้องไปร้านส้มตำไก่ย่างข้างสนามมวยราชดำเนิน ซึ่งก็สอดคล้องกับความทรงจำในเยาว์วัยของ อาจารย์วรรณา นาวิกมูล ซึ่งเล่าไว้ว่าเมื่อราว พ.ศ. 2500 เศษ หากจะหาอาหารลาวรับประทานละก็ คุณแม่ก็จะพาไปที่ร้านอาหารข้างสนามมวยราชดำเนิน



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ปัจจุบันนี้ประเทศลาวเป็นเพียงแขวงหนึ่งของเวียตนามไปแล้วนับตั้งแต่ วันที่ ๒ ทันวาคม ๒๕๑๘ เช่นเดียวกับ อาณาจักรลาวล้านช้างตะวันตก 19 แขวงที่ถูก
ฝรั่งเศส และ สยามประเทศไทยตัดแบ่งกันกินใน วันที่ ๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๓ สำหรับลาวนอกอพยพที่หนีตาย,รอดตาย,เหลือตาย จากการไล่ฃ่าจากกลุ่มลาว
แดง-เวียตนามแดงในปี ค.ศ.๑๙๗๕ เป็นต้นมา เป็นพียงคนไร้ชาติ,ไร้แผ่นดิน เท่านั้นเอง....การต่อสู้ของลาวนอกอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันนี้เีพียงแต่พูดด้วยปาก
เปล่าเท่านั้นเอง ไม่มีทิสดีใดๆในด้านการเมือง,การต่อสู้ทางวิชาการเลย แล้วจะชนะได้อย่างไร!!!ทุกๆการต่อสู้มันมีหลักการ!แผนการ!ดูตัวอย่าง พวกลาวแดง
เข้ามาในปี 1973 เขาไช้เวลาในการต่อสู้ไม่ถึงสองปี พวกเขาก็ชนะแล้ว เพราะอะไร!!! เพราะว่า.....? พวกท่านขาด...?

__________________


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 46
Date:
Permalink Closed

kkk wrote:

ปัจจุบันนี้ประเทศลาวเป็นเพียงแขวงหนึ่งของเวียตนามไปแล้วนับตั้งแต่ วันที่ ๒ ทันวาคม ๒๕๑๘ เช่นเดียวกับ อาณาจักรลาวล้านช้างตะวันตก 19 แขวงที่ถูก
ฝรั่งเศส และ สยามประเทศไทยตัดแบ่งกันกินใน วันที่ ๓ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๙๓ สำหรับลาวนอกอพยพที่หนีตาย,รอดตาย,เหลือตาย จากการไล่ฃ่าจากกลุ่มลาว
แดง-เวียตนามแดงในปี ค.ศ.๑๙๗๕ เป็นต้นมา เป็นพียงคนไร้ชาติ,ไร้แผ่นดิน เท่านั้นเอง....การต่อสู้ของลาวนอกอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันนี้เีพียงแต่พูดด้วยปาก
เปล่าเท่านั้นเอง ไม่มีทิสดีใดๆในด้านการเมือง,การต่อสู้ทางวิชาการเลย แล้วจะชนะได้อย่างไร!!!ทุกๆการต่อสู้มันมีหลักการ!แผนการ!ดูตัวอย่าง พวกลาวแดง
เข้ามาในปี 1973 เขาไช้เวลาในการต่อสู้ไม่ถึงสองปี พวกเขาก็ชนะแล้ว เพราะอะไร!!! เพราะว่า.....? พวกท่านขาด...?




.....

__________________
abc


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 46
Date:
Permalink Closed

....

__________________
abc
Anonymous

Date:
Permalink Closed


ວັນທີ່26 ເດືອນຜ່ານມີການຂື້ນເຮືອນໄຫ່ມອັນໂອ້ໂຖງ ລູລາໄຫ່ຍໂຕແທ່ໆ ຂອງ ນາຍຍົກປໍສາມ
ໃນຂະນະທີ່ ສປປລ ກາຍເປັນ ປທ ທຸກຍາກທີ່ສຸດໃນໂລກ ມີ ປຊຊ ກ່ວາ5ແສນບໍ່ມີຢູ່ມີກິນຍ້ອນພັຍທັມມະຊາດ ມາລຸກລານ
ເຂົ້າແຝສບຸກ ແລ້ວຕີ

Kou Laostar keoviengkham


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

รัฐบาล สปปล จะสืบต่อการฃ่า-ล้างเผ่าพันธุ์ม้งลาวและอดิตร์ปฏิการลาวที่ลอดตายทั้งในประเทศและอยู่ต่างประเทศต่อไป
จนกว่าจะสร้าง"สหพันธุ์เวียตนาม"ได้สำเร็จตามพินัยกรรมของประธาร HO CHI MINH ที่ได้วางนะโยบายไว้ตอนต่อสู้
เอาเอกราช"INDOCHINE"จากฝรั่งเศสมี VIETNAM,CAMBOGE,LAOS รวมกันเป็นอันหนึ่งอันดียวกันเรียกว่า"สามชาติ
อ้ายน้องคือชาติเดียวกัน"นะโยบายสำคัญของ พัก-ลัด สปปล ในขณะนี้ก็คือนำไช้ทิสดี"มติข้อที่5"ที่วางออกไช้ใน1973นำออกมาไช้สร้างความแตกแยกความสามัคคีไม่ไห้คนลาวอพพที่เหลือตายในต่างประเทศรวมตัวกันได้อีกต่อไป
โดยวิธีหลอกไช้คนลาวอพยพเหลือตายที่ไม่เข้าใจการเมืองทำงานเป็นสายลับไห้ในต่างประเทศส่งข่าวการเคลื่อนไหว
ของขบวรการ"ขตล"อยู่นอกประเทศไปไห้ในนั้นก็มีพระสงข์ส่งนอกทั้งไทยและลาวรวมอยู่ดว้ย...ระวังศัตรูของประชา-
ธิปไตยในคราบของนักบวชและคนลาวนอกโง่-ขาดการศึกษา-ขาดการเมือง ทำงานไห้ศัตรูของตนเองเช่นตัวอย่างมีมา
แล้วในปี1973ตอนเช็ญสัญญารวมลาวสองฝ่ายและ1975ตอนคนลาวว่ายข้ามแม่น้ำโขงหนีตายจากลาวแดงคอมฯ......

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed




Reply Quote
Printer Friendly

ປິ 11 ພັຍທັມມະຊາດໄດ້ ມາທຳລາຍ ປທ ເຣົາ ບໍ່ມີ ຈັກເມື່ອ ໃນຮອບ100ປິ
ມີ ປຊຊ ລາວກ່ວາ5ແສນ ບໍ່ມີຢູ່ມີກິນ 383 ຖນົນ 43 ຂັວ ແລະ 182 ໂຮງຮຽນ ໂຮງຫມໍ ຖືກ ທຳລາຍ
ພັກໂຈນຕ້ອງການ 1600 ລ້ານ ດລ ແຕ່ ປານນັ້ນບອກວ່າ ພັກ ຜິຫ່າບໍ່ມີເງິນ
ກຳແພງ ໂຮງຮຽນ ມສ ວຽງຈັນ 200 ແມດ ໃນ ວຈ ເງິນສ້າງ ພຽງ160 ລ້ານກິນ ຍັງປະໃຫ້ ເປັນໄປຕາມທັມມະຊາດ ໃຫ້ ເອກກະຊົນສ້າງໃຫ້

ບາດມາເຫັນ ບັກ ນຍ ປໍ6 ຂື້ນເຮຶອນຈີ່ງຮູ້ວ່າ ເງິນ ປທ ເຮົາ ມັນຂາດ ງົປມານ ນາຍຄູ ນາຍຫມໍ ບໍ່ໄດ້ກິນເງີນເດືອນ ເຄີ່ງປິ ໃຫ້ລາວນອກ+ຕ່າງຊາດ ຊ່ວຍປິນື່ງ630 ລ້ານ
ກະມາຢູ່ທີ່ນິ້ເອງ



ເຫັນແລ້ວແລ້ວບອກຕໍ່ ສົ່ງຕໍ່ ການຂື້ນເຮືອນໄຫ່ມຂອງ ນຍ ໂຈນ ລາວແດງທີ່ ວຈ ໃນວັນທີ່ 26.01.12 ຜ່ານມາ

ກ່າຍມາຈາກ ແຝສບຸກ Kou laostar keoviengkham

http://www.facebook.com/profile.php?id=100000065161008

ແລະມີການອອກລາຍການ ຂື້ນບ້ານຫລັງຂອງ ນຍເຕັ້ຍປໍສາມ ທີ່ວີທຍຸແຫ່ງນີ້ແລ້ວ
www.siengserixonlao.com

__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:




Reply Quote
Printer Friendly

ປິ 11 ພັຍທັມມະຊາດໄດ້ ມາທຳລາຍ ປທ ເຣົາ ບໍ່ມີ ຈັກເມື່ອ ໃນຮອບ100ປິ
ມີ ປຊຊ ລາວກ່ວາ5ແສນ ບໍ່ມີຢູ່ມີກິນ 383 ຖນົນ 43 ຂັວ ແລະ 182 ໂຮງຮຽນ ໂຮງຫມໍ ຖືກ ທຳລາຍ
ພັກໂຈນຕ້ອງການ 1600 ລ້ານ ດລ ແຕ່ ປານນັ້ນບອກວ່າ ພັກ ຜິຫ່າບໍ່ມີເງິນ
ກຳແພງ ໂຮງຮຽນ ມສ ວຽງຈັນ 200 ແມດ ໃນ ວຈ ເງິນສ້າງ ພຽງ160 ລ້ານກິນ ຍັງປະໃຫ້ ເປັນໄປຕາມທັມມະຊາດ ໃຫ້ ເອກກະຊົນສ້າງໃຫ້

ບາດມາເຫັນ ບັກ ນຍ ປໍ6 ຂື້ນເຮຶອນຈີ່ງຮູ້ວ່າ ເງິນ ປທ ເຮົາ ມັນຂາດ ງົປມານ ນາຍຄູ ນາຍຫມໍ ບໍ່ໄດ້ກິນເງີນເດືອນ ເຄີ່ງປິ ໃຫ້ລາວນອກ+ຕ່າງຊາດ ຊ່ວຍປິນື່ງ630 ລ້ານ
ກະມາຢູ່ທີ່ນິ້ເອງ



ເຫັນແລ້ວແລ້ວບອກຕໍ່ ສົ່ງຕໍ່ ການຂື້ນເຮືອນໄຫ່ມຂອງ ນຍ ໂຈນ ລາວແດງທີ່ ວຈ ໃນວັນທີ່ 26.01.12 ຜ່ານມາ

ກ່າຍມາຈາກ ແຝສບຸກ Kou laostar keoviengkham

http://www.facebook.com/profile.php?id=100000065161008

ແລະມີການອອກລາຍການ ຂື້ນບ້ານຫລັງຂອງ ນຍເຕັ້ຍປໍສາມ ທີ່ວີທຍຸແຫ່ງນີ້ແລ້ວ
www.siengserixonlao.com


 ເຫັນແລ້ວເສົ້າໃຈເນາະ ຄົນບ້າບໍ່ພໍປົວນີ້ ຈັ່ງແມ່ນມັນຫຼາຍ ດ່າຢູ່ກະທູ້ນັ້ນມາໂຜ່ຢູ່ກະທູ້ນີ້ ໃຜລະນາຍົກປ6ຂອງເຈົ້າ ທ່ານທອງສິງ ອາດີດອາຈານສອນຄູມັດທະຍົມນາຄາວ ກ່ອນຈະສອນສ້າງຄູມັດທະຍົມໄດ້ມັນກໍ່ຕ້ອງຈົບອຸດົມຫຼືສູງກວ່າບໍ່ແມ່ນຫວາ ແລ້ວຍັງມາວ່າຈົບປໍ6 ຢູ່ໃສລະຫຼັກຖານວ່າຈົບປໍ6 ສວ່ນເຈົ້າວ່ານາຍຄູ ນາຍຫມໍ ບໍ່ໄດ້ກິນເງີນເດືອນ ເຄີ່ງປິ ເຈົ້!ເວົ້າຢູ່ໃສ ບາດຂ້ອຍຄືວ່າໄດ້ທຸກເດືອນຢູ່ຫວະ ໄປກວດສູຂະພາບຈິດແດ່ເດີ ທັງເຈົ້າ ແລະຜູ້ເວົ້!ຢູ່ສຽງເສລີຫັ້ນນະ



__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

ເຈົ້າເວົ້າວ່າ

ປິ 11 ພັຍທັມມະຊາດໄດ້ ມາທຳລາຍ ປທ ເຣົາ ບໍ່ມີ ຈັກເມື່ອ ໃນຮອບ100ປິ

ມັນໝາຍຄວາມວ່າແນວໃດເຈົ້າວ່າບໍ່ມີຈັກເທື່ອ ຕາມທີ່ຂ້ອຍເຫັນນີ້ ນ້ຳຖວ້ມເໄຮ່ນາປະຊາຊົນນັ້ນ ເກືອບວ່າຖ້ວມທຸກປີ ຖ້າປີໃດນ້ຳບໍ່ຖ້ວມກໍ່ແລ້ງ ຈົນເຮັດຫຍັງກໍ່ບໍ່ໄດ້ ເຂດໃດທີ່ຍັງມີລະເບີດໂບມບີ້ກໍ່ເຮັດໄຮ່ເຮັດນາບໍ່ໄດ້ ຖ້າເຮັດກໍ່ສ່ຽງຕາຍ ສະໄໝສົງຄາມໃຜລະຈະເຮັດຈະສ້າງໄດ້ ທັງຍົນທັງຄົນທີ່ເປັນພວກຂອງເຈົ້າລອບຂ້າລອບຍິງຢູ່ ທົ່ງໄຮ່ທົ່ງນາຮ້າງຮົກເຮື້ອ ແລ້ວຈະເອົາຫຍັງມາຢູ່ມາກິນ ມີແຕ່ພວກເຈົ້ານັ້ນແຫຼະທີ່ມີອາເມລິກາຊວ່ຍເຫຼືອຈິ່ງບໍ່ອຶດຢູ່ບໍ່ອຶດກິນ ພວກເຈົ້າກໍ່ຮູ້ຢູ່ບໍ່ວ່າທີ່ພວກເຈົ້າບໍ່ອຶດຢູ່ບໍ່ອຶດກິນນັ້ນມັນແລກກັບການຂ້າຄົນລາວທີ່ຢູ່ອີກຝ່າຍໜຶ່ງ ແລ້ວເຂົາຜິດຫຍັງເຂົາກໍ່ຄົນລາວ ພຽງແຕ່ຄິດຕ່າງພວກເຈົ້າ

ສວ່ນເຈົ້າວ່າ
ມີ ປຊຊ ລາວກ່ວາ5ແສນ ບໍ່ມີຢູ່ມີກິນ 383 ຖນົນ 43 ຂັວ ແລະ 182 ໂຮງຮຽນ ໂຮງຫມໍ ຖືກ ທຳລາຍ

ມັນຢູ່ໃສ ມີ ປຊຊ ລາວກ່ວາ5ແສນ ບໍ່ມີຢູ່ມີກິນ ເອົາມາຈາກໃສ ການສຳຫຼວດທີ່ຜ່ານມາ ປຊຊຜູ້ທີ່ອຶດເຂົ້າ (ມີລາຍໄດ້ເປັນເຂົ້າຕ່ຳກວ່າ 20ກີໂລຕໍ່ເດືອນຕໍ່ຄົນ)ມັນໝົດແລ້ວໃນປະເທດລາວ ບໍ່ມີແລ້ວ ເປັນຫຍັງຂ້ອຍຈິ່ງອ້າງແຕ່ເຂົ້າເພາະວ່າອາຫານນັ້ນຢູ່ບ້ານເຮົາຖ້າເຈົ້າບໍ່ຂີ້ຄ້ານມັນບໍ່ໄດ້ອຶດ ໃນນ້ຳມີປາ ໃນປ່າມີສັດສາວາສິ່ງ ມີຜັກມີໝາກໄມ້
ເຈົ້າກໍ່ເປັນຄົນລາວທີ່ເຄີຍຢູ່ລາວຢູ່ບໍ ຫຼືວ່າແອບອ້າງ
ອັນເຈົ້າວ່າ 383 ຖນົນ 43 ຂັວ ແລະ 182 ໂຮງຮຽນ ໂຮງຫມໍ ຖືກ ທຳລາຍ
(ຂຽນຄຳວ່າຂົວ ຍັງເປັນ ຂັວ ຄືພາສາໄທ ບໍ່ແມ່ນເຈົ້າເປັນຄົນໄທຊ້ຳບໍນີ້) ມັນຖືກ ທຳລາຍ ນັ້ນຢູ່ໃສ ຂ້ອຍເລາະມາແລ້ວແຕ່ເໜືອສຸດໃຕ້ ເຫັນແຕ່ທາງສ້າງໃໝ່ ຂົວເຮັດໃໝ່ບັນທຸກໄດ້ຫຼາຍກວ່າເກົ່າ ທາງກໍ່ດີກວ່າເກົ່າ (ຈະເປ່ເພກໍ່ສະເພາະຍາມຝົນດິນເຈື່ອນ ແລ້ງມາເຂົາກໍ່ແປງລຽບລ້ອຍ) ບໍ່ຮູ້ວ່າເຈົ້າເອົາແຕ່ໃສມາເວົ້າ
ຂ້ອງແນະນຳໃຫ້ພວກເຈົ້າ ເອົາກະປອງເປົ່າມັດຕິດແອວແລ້ວແກ່ເລາະຕາມຖະໜົນ ແລ້ວປ່າວຮ້ອງ ທັງດີ້ນທັງຊັກ ທັງນ້ຳລາຍຟູມປາກແດ່ເດີຄົນເຂົາຈິ່ງເຊື່ອ ນັບທັງເພິ່ນຜູ້ເວົ້າຢູ່ລາຍການສຽງເສລີນັ້ນແດ່ເດີ



__________________


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 46
Date:
Permalink Closed

ມີແຕ່ທິດສະດີເນາະ ບໍ່ມີພາກປະຕິບັດແດ່ເບາະ ກຳລັງຖ້າເວລານັ້ນຢູ່ ຈະໄດ້ຊັດເຕັມທີ່ເລີຍ

__________________
abc
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ
ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ
ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ

Vientiane Mai ວັນທີ 17 ກຸມພາ 2012 - ເວລາ 10:35:57 ສົ່ງຂ່າວນີ້ໃຫ້ເພື່ອນ ພິມຂ່າວນີ້



ສະ­ພາບ ​ປະ­ກົດ​ການ​ຫຍໍ້­ທໍ້​ຢູ່​ບ້ານ​ເຮົາ ຍັງ​ມີ​ໃຫ້​ເຫັນ​ຢູ່​ເລື້ອຍໆ ດັ່ງ​ຈະ​ເຫັນ​ໄດ້​ໃນ​ຂ່າວ​ທາງ​ໜ້າ​ໜັງ­ສື­ພິມ​ລາຍ​ວັນ ລາຍ​ສັບ­ປະ­ດາ ເຊິ່ງ​ການ​ກໍ່​ປະ­ກົດ​ການ​ຫຍໍ້­ທໍ້​ນັ້ນ ມາ​ຈາກ​ຫຼາຍ​ສາ­ເຫດ ອັນ​ມາ​ຈາກ​ຄວາມ​ຕັ້ງ­ໃຈ ແລະ ຈົງ­ໃຈ​ເຮັດ ເຊັ່ນ:
-ການ​ລ່ວງ​ລະ­ເມີດ​ກົດ​ຈະ­ລາ­ຈອນ ແລ້ວ​ພາ­ໃຫ້​ເກີດ​ອຸ­ປະ­ຕິ­ເຫດ -ການ​ດື່ມ​ເຫຼົ້າ​ເມົາ​ແລ້ວ​ຂັບ​ລົດ ພາ­ໃຫ້​ເກີດ​ອຸ­ປະ­ຕິ­ເຫດ
-ການ​ແຂ່ງ​ລົດ ຊິ້ງ​ລົດ​ໃນ​ທາງ​ຖະ­ໜົນ­ຫຼວງ
-ການ​ເສບ ແລະ ຄ້າ­ຂາຍ​ຢາ​ເສບ​ຕິດ
-ການ­ຈັດ­ຕັ້ງ​ກຸ່ມ​ແກ້ງ​ລັດ​ຕີ​ກັນ
-ການ​ຊີງ​ຊັບ​ດຶງ​ກະ­ເປົາ ດຶງ​ສາຍ​ຄໍ
-ການ​ຂີ້­ລັກ​ງັດ​ແງະ
-ການ​ຕົວະ​ຕົ້ມ​ຫຼອກ​ລວງ ແລະ
-ການ​ຂ້າ​ເຈົ້າ​ເອົາ​ຂອງ​ອື່ນໆ ອັນ​ເປັນ​ການ​ລົບ​ກວນ​ບັນ­ຍາ­ກາດ​-ແຫ່ງ​ການ​ດຳ­ລົງ​ຊີ­ວິດ​ຢ່າງ​ສັນ­ຕິ​ຂອງ​ ປະ­ຊາ­ຊົນ​ບັນ­ດາ­ເຜົ່າ.

ຜູ້​ສ້າງ​ແນວ​ບໍ່​ດີ​ຂຶ້ນ​ສ່ວນ​ຫຼາຍ​ແມ່ນ​ ໄວ​ໜຸ່ມ ແລະ ພວມ​ກຳ­ລັງ​ຢູ່​ໃນ​ໄວ​ພວມ​ເຮັດ​ວຽກ​ງານ ແລະ ຕ້ອງ­ການ​ວັດ­ຖຸ​ເງິນ​ຄຳ​ມາ​ໃຊ້​ຈ່າຍ ຫຼື ຄວາມ​ຕ້ອງ­ການ​ທີ່​ຟຸມ​ເຟືອຍ​ດ້ານ​ອື່ນໆ​ຕາມ​ກະ­ແສ​ບໍ­ລິ­ໂພກ​ນິ­ຍົມ ເມື່ອ​ໝົດ​ຫົນ­ທາງ​ການ​ໄດ້​ມາ​ໂດຍ​ຄວາມ​ບໍ­ລິ­ສຸດ​ໃຈ ຈາກ​ການ​ຂໍ​ການ​ຢືມ​ນຳ​ພໍ່​ແມ່ ນຳ​ຜູ້​ປົກ­ຄອງ ພວກ​ເຂົາ​ກໍ​ຫັນ​ມາ​ອອກ​ລິດ­ເດດ​ດ້ວຍ​ການ​ລັກ ປຸ້ນ​ຈີ້ ດຶງ​ກະ­ເປົາ ດຶງ​ສາຍ​ຄໍ ຈົນ​ໄປ​ເຖິງ​ການ​ຂ້າ​ເຈົ້າ​ເອົາ​ຂອງ ເຊິ່ງ​ແມ່ນ​ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ທາງ​ອາ­ຍາ​ຢ່າງ​ຮຸນ​ແຮງ ບາງ​ຄົນ​ເຄີຍ​ຕ້ອງ​ໂທດ​ອອກ​ຄຸກ​ມາ​ແລ້ວ​ກໍ​ມີ ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ຊ້ຳ​ອີກ​ກໍ​ມີ​ຫຼາຍ.

ສຳ­ຄັນ​ພາ­ຫະ­ນະ​ໃນ​ການ​ກະ­ທຳ​ ຜິດ​ສ່ວນ​ໃຫຍ່​ແມ່ນ​ລົດ​ເກງ ລົດ­ຈັກ​ທີ່​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ ມີ​ທັງ​ລົດ​ເກົ່າ ແລະ ລົດ​ໃໝ່​ປອກ​ເຈ້ຍ ດັ່ງ​ເຫດ­ການ​ໄລ່​ຍິງ​ກັນ​ຢູ່​ແຖວ​ດອນ​ໜູນ​ເມື່ອ​ສອງ​ປີ­ຜ່ານ­ມາ ເຊິ່ງ​ກໍ​ແມ່ນ​ລົດ​ໃໝ່​ທັງ​ນັ້ນ ນີ້​ຄື​ຊ່ອງ​ຫວ່າງ​ສຳ­ຄັນ​ຂອງ​ຄົນ​ບໍ່​ດີ ແລະ ຕ້ອງ​ມີ​ການ​ຮ່ວມ​ມື​ກັນ​ແກ້​ໄຂ​ໃຫ້​ເປັນ​ຜົນ­ສຳ­ເລັດ ດັ່ງ­ນັ້ນ ອົງ­ການ​ກ່ຽວ­ຂ້ອງ​ທີ່​ມີ​ສິດ​ອຳ­ນາດ ຕ້ອງ​ຫັນ​ໜ້າ​ປຶກ­ສາ​ຫາ­ລື​ກັນ ດ້ວຍ​ການ​ສ້າງ​ມາດ​ຕະ­ການ ຫຼື ເຮັດ​ແນວ­ໃດ ປະ­ກາດ​ຫ້າມ​ລົດ​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ​ແລ່ນ ຖ້າ​ຊື້​ໃໝ່​ຕ້ອງ​ໃຫ້​ໄດ້​ປ້າຍ​ລົດ​ຈົບ​ດີ​ແລ້ວ​ຈຶ່ງ​ແລ່ນ ຖ້າ​ແລ່ນ​ສາ­ມາດ​ເອົາ​ຜິດ​ໄດ້ ເຖິງ​ບໍ່​ມີ​ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ກໍ​ຕາມ ດັ່ງ­ນັ້ນ ເວ­ລາ​ຊື້​ລົດ​ຕ້ອງ​ເຮັດ​ປ້າຍ​ໃຫ້​ແລ້ວ​ໄວ ບໍ່​ຄວນ​ແກ່­ຍາວ​ເປັນ​ເດືອນ ເປັນ​ປີ ຕ້ອງ​ແກ້​ໃຫ້​ຖືກ­ຕ້ອງ​ແຕ່​ຕົ້ນ​ທາງ ຄື​ຜູ້​ຊື້​ລົດ​ຕ້ອງ​ມີ​ໃບ​ຂັບ​ຂີ່ ຊື້​ແລ້ວ​ຕ້ອງ​ອອກ​ໃບ​ກວດ­ກາ​ເຕັກ­ນິກ​ໃຫ້ ເຮັດ​ປະ­ກັນ​ໄພ ແລະ ເສຍ​ຄ່າ​ທາງ​ຢູ່​ທີ່​ນັ້ນ​ເລີຍ ຖ້າ​ປະ​ອັນ​ໃດ​ໜຶ່ງ​ໄວ້ ບາງ­ທີ​ເຂົາ­ເຈົ້າ​ບໍ່​ເຮັດ​ເລີຍ​ຊ້ຳ.

ຄິດ​ວ່າ​ຖ້າ​ເຮັດ​ແບບ​ນີ້​ໄດ້ ກໍ​ຄົງ​ຈະ​ບັ່ນ​ທອນ​ການ​ກໍ່​ຄວາມ​ບໍ່​ດີ​ຂຶ້ນ​ໄດ້ ໂດຍ​ສະ­ເພາະ​ຄົນ​ທຽວ​ທາງ​ທີ່​ເຫັນ​ລົດ​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ ຈະ​ພ້ອມ​ກັນ​ລະ­ມັດ­ລະ­ວັງ​ຫຼາຍ​ຂຶ້ນ ຄົນ​ຈະ​ຮຽນ​ຂັບ​ຂີ່​ຫຼາຍ​ຂຶ້ນ ຄົນ​ບໍ່​ມີ​ໃບ​ຂັບ​ຂີ່​ແຕ່​ມີ​ລົດ​ຈະ​ໜ້ອຍ​ລົງ... ສຳ­ຄັນ​ທີ່​ສຸດ ແລະ ເປັນ​ຂອດ​ຕັດ­ສິນ ກໍ​ຍັງ​ຕ້ອງ​ແມ່ນ​ສະ​ຖາ​ບັນ​ຄອບ­ຄົວ ກຳ­ກັບ​ຮັບ­ຜິດ­ຊອບ​ຄົນ​ໃນ​ເຮືອນ​ຕົນ​ໃຫ້​ໄດ້ ຖ້າ​ຄອບ­ຄົວ​ຍັງ​ບໍ່​ເຮັດ​ໜ້າ­ທີ່​ເປັນ​ຈຸ​ລັງ​ຂອງ​ສັງ­ຄົມ ມັນ​ກໍ​ບໍ່​ສາ­ມາດ​ແກ້​ໄຂ​ບັນ­ຫາ​ດັ່ງ­ກ່າວ​ໄດ້ ດັ່ງ­ນັ້ນ ຕ້ອງ​ຮ່ວມ​ກັນ​ຢ່າງ​ຈິງ​ຈັງ​ຄົນ​ລະ​ໄມ້​ລະ​ມື ຮັບ­ຮອງ​ວ່າ​ບັນ­ຫາ​ນີ້​ຕ້ອງ​ເອົາ​ຢູ່ ວ່າ​ຊັ້ນ​ເຢີ !.

ໂດຍ: ຊຽງ​ເອງ
ມີຄຳຕອບແລ້ວທີ່ວິທຍຸແຫ່ງດຽວຂອງໂລກ

www.siengserixonlao.com

ຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງ
ຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງ
ລົດໄຫ່ມບໍ່ມີປ້າຍແລ່ນໄດ້ສະບາຍລົດໄຫ່ມບໍ່ມີປ້າຍແລ່ນໄດ້ສະບາຍ

ໃນ ວຈ ປີ 75 ຝ່າຍຂວາຢ້ານ ຄມນ ພາກັນແລ່ນປົບອອກນອກ ປທ ກ່ວາ4ແສນ ປີ 2012 ຄົນວຽງຈັນພາຍໄຕ້ລະບອບ ຄມນ ພາກັນແລ່ນຫນີກ ລົດໂຈນບໍ່ມີປ້າຍ ເພາະ ເກິດ ອຸປຕິເຫດແລ້ວ ບໍ່ມີໃຜຮັບຊອບຕາຍຝຣີ ເຈັບຝຣີ!!
ຝູຍ

ເອົາເລື້ອງນີ້ມາທ້າທາຍ ຊີຫາວ່າ ລາວທັງໂລກໄສ່ຮ້າຍປ້າຍສີ ກັບພວກໂຈນສຸນີ້ອິກບໍ??


__________________


Senior Member

Status: Offline
Posts: 269
Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ
ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ
ລົດບໍ່ມີປ້າຍ ມັກສວຍໃຊ້ສ້າງແນວບໍ່ດີ

Vientiane Mai ວັນທີ 17 ກຸມພາ 2012 - ເວລາ 10:35:57 ສົ່ງຂ່າວນີ້ໃຫ້ເພື່ອນ ພິມຂ່າວນີ້



ສະ­ພາບ ​ປະ­ກົດ​ການ​ຫຍໍ້­ທໍ້​ຢູ່​ບ້ານ​ເຮົາ ຍັງ​ມີ​ໃຫ້​ເຫັນ​ຢູ່​ເລື້ອຍໆ ດັ່ງ​ຈະ​ເຫັນ​ໄດ້​ໃນ​ຂ່າວ​ທາງ​ໜ້າ​ໜັງ­ສື­ພິມ​ລາຍ​ວັນ ລາຍ​ສັບ­ປະ­ດາ ເຊິ່ງ​ການ​ກໍ່​ປະ­ກົດ​ການ​ຫຍໍ້­ທໍ້​ນັ້ນ ມາ​ຈາກ​ຫຼາຍ​ສາ­ເຫດ ອັນ​ມາ​ຈາກ​ຄວາມ​ຕັ້ງ­ໃຈ ແລະ ຈົງ­ໃຈ​ເຮັດ ເຊັ່ນ:
-ການ​ລ່ວງ​ລະ­ເມີດ​ກົດ​ຈະ­ລາ­ຈອນ ແລ້ວ​ພາ­ໃຫ້​ເກີດ​ອຸ­ປະ­ຕິ­ເຫດ -ການ​ດື່ມ​ເຫຼົ້າ​ເມົາ​ແລ້ວ​ຂັບ​ລົດ ພາ­ໃຫ້​ເກີດ​ອຸ­ປະ­ຕິ­ເຫດ
-ການ​ແຂ່ງ​ລົດ ຊິ້ງ​ລົດ​ໃນ​ທາງ​ຖະ­ໜົນ­ຫຼວງ
-ການ​ເສບ ແລະ ຄ້າ­ຂາຍ​ຢາ​ເສບ​ຕິດ
-ການ­ຈັດ­ຕັ້ງ​ກຸ່ມ​ແກ້ງ​ລັດ​ຕີ​ກັນ
-ການ​ຊີງ​ຊັບ​ດຶງ​ກະ­ເປົາ ດຶງ​ສາຍ​ຄໍ
-ການ​ຂີ້­ລັກ​ງັດ​ແງະ
-ການ​ຕົວະ​ຕົ້ມ​ຫຼອກ​ລວງ ແລະ
-ການ​ຂ້າ​ເຈົ້າ​ເອົາ​ຂອງ​ອື່ນໆ ອັນ​ເປັນ​ການ​ລົບ​ກວນ​ບັນ­ຍາ­ກາດ​-ແຫ່ງ​ການ​ດຳ­ລົງ​ຊີ­ວິດ​ຢ່າງ​ສັນ­ຕິ​ຂອງ​ ປະ­ຊາ­ຊົນ​ບັນ­ດາ­ເຜົ່າ.

ຜູ້​ສ້າງ​ແນວ​ບໍ່​ດີ​ຂຶ້ນ​ສ່ວນ​ຫຼາຍ​ແມ່ນ​ ໄວ​ໜຸ່ມ ແລະ ພວມ​ກຳ­ລັງ​ຢູ່​ໃນ​ໄວ​ພວມ​ເຮັດ​ວຽກ​ງານ ແລະ ຕ້ອງ­ການ​ວັດ­ຖຸ​ເງິນ​ຄຳ​ມາ​ໃຊ້​ຈ່າຍ ຫຼື ຄວາມ​ຕ້ອງ­ການ​ທີ່​ຟຸມ​ເຟືອຍ​ດ້ານ​ອື່ນໆ​ຕາມ​ກະ­ແສ​ບໍ­ລິ­ໂພກ​ນິ­ຍົມ ເມື່ອ​ໝົດ​ຫົນ­ທາງ​ການ​ໄດ້​ມາ​ໂດຍ​ຄວາມ​ບໍ­ລິ­ສຸດ​ໃຈ ຈາກ​ການ​ຂໍ​ການ​ຢືມ​ນຳ​ພໍ່​ແມ່ ນຳ​ຜູ້​ປົກ­ຄອງ ພວກ​ເຂົາ​ກໍ​ຫັນ​ມາ​ອອກ​ລິດ­ເດດ​ດ້ວຍ​ການ​ລັກ ປຸ້ນ​ຈີ້ ດຶງ​ກະ­ເປົາ ດຶງ​ສາຍ​ຄໍ ຈົນ​ໄປ​ເຖິງ​ການ​ຂ້າ​ເຈົ້າ​ເອົາ​ຂອງ ເຊິ່ງ​ແມ່ນ​ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ທາງ​ອາ­ຍາ​ຢ່າງ​ຮຸນ​ແຮງ ບາງ​ຄົນ​ເຄີຍ​ຕ້ອງ​ໂທດ​ອອກ​ຄຸກ​ມາ​ແລ້ວ​ກໍ​ມີ ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ຊ້ຳ​ອີກ​ກໍ​ມີ​ຫຼາຍ.

ສຳ­ຄັນ​ພາ­ຫະ­ນະ​ໃນ​ການ​ກະ­ທຳ​ ຜິດ​ສ່ວນ​ໃຫຍ່​ແມ່ນ​ລົດ​ເກງ ລົດ­ຈັກ​ທີ່​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ ມີ​ທັງ​ລົດ​ເກົ່າ ແລະ ລົດ​ໃໝ່​ປອກ​ເຈ້ຍ ດັ່ງ​ເຫດ­ການ​ໄລ່​ຍິງ​ກັນ​ຢູ່​ແຖວ​ດອນ​ໜູນ​ເມື່ອ​ສອງ​ປີ­ຜ່ານ­ມາ ເຊິ່ງ​ກໍ​ແມ່ນ​ລົດ​ໃໝ່​ທັງ​ນັ້ນ ນີ້​ຄື​ຊ່ອງ​ຫວ່າງ​ສຳ­ຄັນ​ຂອງ​ຄົນ​ບໍ່​ດີ ແລະ ຕ້ອງ​ມີ​ການ​ຮ່ວມ​ມື​ກັນ​ແກ້​ໄຂ​ໃຫ້​ເປັນ​ຜົນ­ສຳ­ເລັດ ດັ່ງ­ນັ້ນ ອົງ­ການ​ກ່ຽວ­ຂ້ອງ​ທີ່​ມີ​ສິດ​ອຳ­ນາດ ຕ້ອງ​ຫັນ​ໜ້າ​ປຶກ­ສາ​ຫາ­ລື​ກັນ ດ້ວຍ​ການ​ສ້າງ​ມາດ​ຕະ­ການ ຫຼື ເຮັດ​ແນວ­ໃດ ປະ­ກາດ​ຫ້າມ​ລົດ​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ​ແລ່ນ ຖ້າ​ຊື້​ໃໝ່​ຕ້ອງ​ໃຫ້​ໄດ້​ປ້າຍ​ລົດ​ຈົບ​ດີ​ແລ້ວ​ຈຶ່ງ​ແລ່ນ ຖ້າ​ແລ່ນ​ສາ­ມາດ​ເອົາ​ຜິດ​ໄດ້ ເຖິງ​ບໍ່​ມີ​ການ​ກະ­ທຳ​ຜິດ​ກໍ​ຕາມ ດັ່ງ­ນັ້ນ ເວ­ລາ​ຊື້​ລົດ​ຕ້ອງ​ເຮັດ​ປ້າຍ​ໃຫ້​ແລ້ວ​ໄວ ບໍ່​ຄວນ​ແກ່­ຍາວ​ເປັນ​ເດືອນ ເປັນ​ປີ ຕ້ອງ​ແກ້​ໃຫ້​ຖືກ­ຕ້ອງ​ແຕ່​ຕົ້ນ​ທາງ ຄື​ຜູ້​ຊື້​ລົດ​ຕ້ອງ​ມີ​ໃບ​ຂັບ​ຂີ່ ຊື້​ແລ້ວ​ຕ້ອງ​ອອກ​ໃບ​ກວດ­ກາ​ເຕັກ­ນິກ​ໃຫ້ ເຮັດ​ປະ­ກັນ​ໄພ ແລະ ເສຍ​ຄ່າ​ທາງ​ຢູ່​ທີ່​ນັ້ນ​ເລີຍ ຖ້າ​ປະ​ອັນ​ໃດ​ໜຶ່ງ​ໄວ້ ບາງ­ທີ​ເຂົາ­ເຈົ້າ​ບໍ່​ເຮັດ​ເລີຍ​ຊ້ຳ.

ຄິດ​ວ່າ​ຖ້າ​ເຮັດ​ແບບ​ນີ້​ໄດ້ ກໍ​ຄົງ​ຈະ​ບັ່ນ​ທອນ​ການ​ກໍ່​ຄວາມ​ບໍ່​ດີ​ຂຶ້ນ​ໄດ້ ໂດຍ​ສະ­ເພາະ​ຄົນ​ທຽວ​ທາງ​ທີ່​ເຫັນ​ລົດ​ບໍ່​ມີ​ປ້າຍ ຈະ​ພ້ອມ​ກັນ​ລະ­ມັດ­ລະ­ວັງ​ຫຼາຍ​ຂຶ້ນ ຄົນ​ຈະ​ຮຽນ​ຂັບ​ຂີ່​ຫຼາຍ​ຂຶ້ນ ຄົນ​ບໍ່​ມີ​ໃບ​ຂັບ​ຂີ່​ແຕ່​ມີ​ລົດ​ຈະ​ໜ້ອຍ​ລົງ... ສຳ­ຄັນ​ທີ່​ສຸດ ແລະ ເປັນ​ຂອດ​ຕັດ­ສິນ ກໍ​ຍັງ​ຕ້ອງ​ແມ່ນ​ສະ​ຖາ​ບັນ​ຄອບ­ຄົວ ກຳ­ກັບ​ຮັບ­ຜິດ­ຊອບ​ຄົນ​ໃນ​ເຮືອນ​ຕົນ​ໃຫ້​ໄດ້ ຖ້າ​ຄອບ­ຄົວ​ຍັງ​ບໍ່​ເຮັດ​ໜ້າ­ທີ່​ເປັນ​ຈຸ​ລັງ​ຂອງ​ສັງ­ຄົມ ມັນ​ກໍ​ບໍ່​ສາ­ມາດ​ແກ້​ໄຂ​ບັນ­ຫາ​ດັ່ງ­ກ່າວ​ໄດ້ ດັ່ງ­ນັ້ນ ຕ້ອງ​ຮ່ວມ​ກັນ​ຢ່າງ​ຈິງ​ຈັງ​ຄົນ​ລະ​ໄມ້​ລະ​ມື ຮັບ­ຮອງ​ວ່າ​ບັນ­ຫາ​ນີ້​ຕ້ອງ​ເອົາ​ຢູ່ ວ່າ​ຊັ້ນ​ເຢີ !.

ໂດຍ: ຊຽງ​ເອງ
ມີຄຳຕອບແລ້ວທີ່ວິທຍຸແຫ່ງດຽວຂອງໂລກ

www.siengserixonlao.com

ຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງ
ຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງຄວາມຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມລາວແດງ
ລົດໄຫ່ມບໍ່ມີປ້າຍແລ່ນໄດ້ສະບາຍລົດໄຫ່ມບໍ່ມີປ້າຍແລ່ນໄດ້ສະບາຍ

ໃນ ວຈ ປີ 75 ຝ່າຍຂວາຢ້ານ ຄມນ ພາກັນແລ່ນປົບອອກນອກ ປທ ກ່ວາ4ແສນ ປີ 2012 ຄົນວຽງຈັນພາຍໄຕ້ລະບອບ ຄມນ ພາກັນແລ່ນຫນີກ ລົດໂຈນບໍ່ມີປ້າຍ ເພາະ ເກິດ ອຸປຕິເຫດແລ້ວ ບໍ່ມີໃຜຮັບຊອບຕາຍຝຣີ ເຈັບຝຣີ!!
ຝູຍ

ເອົາເລື້ອງນີ້ມາທ້າທາຍ ຊີຫາວ່າ ລາວທັງໂລກໄສ່ຮ້າຍປ້າຍສີ ກັບພວກໂຈນສຸນີ້ອິກບໍ??


 ເວົ້າແບບນີ້ ກໍ່ຍັງໄຄແດ່ ຍັງມີຄວາມຈິງແດ່ ເວົ້າແບບນີ້ຂ້ອຍຄິດວ່າເຈົ້າຍັງມີສະຕິຂອງຄວາມເປັນຄົນຢູ່ ບໍ່ແມ່ນເອົາແຕ່ເລື່ອງຕົວະ ມ່າເລົ່າສູ່ຄົນອື່ນຟັງ ສວ່ນເລື່ອເຈົ້າດ່າ ກມນ ວ່າ ເປັນໂຈນນັ້ນກໍ່ເປັນເລື່ອງກຽດຊັງສວ່ນຕົວຂອງເຈົ້າ ບໍ່ມີໃຜຫ້າມເຈົ້າໄດ້ ນອກຈາກເຈົ້າຈະສຳນຶກເອງ



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ພໍ່ຕູ້ສຽງເສລີຊົນລາວ ຖ້າເຈົ້າຢາກໃຫ້ຄົນເຂົ້າໄປຟັງເຈົ້າເວົ້າເຈົ້າດ່າ ເຈົ້າຄືບໍ່ເຮັດໃຫ້ເຂົ້າຟັງໄດ້ງ່າຍໆແດ່ຊັ້ນ? ຄັນຊິໃຫ້ແຕ່ພວກທີ່ໃຊ້ chrome ຟັງ ກະຢ່າເອົາມາໂພສລົງດີກ່ວາ ຂ້ອຍໃຊ້ Internet Explore ຊາມຊິໄດ້ຟັງຕ້ອງໄດ້ນັ່ງໂຫລດເປັນຊົ່ວໂມງ.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

http://www.atimes.com/atimes/Southeast_Asia/NB22Ae01.html

Southeast Asia
Feb 22, 2012
Off the air in Laos
By Beaumont Smith

VIENTIANE - Amid an unprecedented flurry of public debate and critique of government policies and actions, Lao authorities abruptly canceled a popular call-in radio program in late January without any public explanation.

The program, Talk of the News, ran for four consecutive years and encouraged the public to comment on issues of the day through often anonymous phone calls. The host, Ounkeo Souksavanh, an urbane ex-print journalist found himself uniquely enmeshed in the Lao population's complaints and grievances.

Social justice, overt corruption and land grabs were daily fare on Talk of the News, a rarity in Laos' authoritarian context. While many wondered when the boot would drop on the program, Lao listeners had grown accustomed to this point of light in the



otherwise drab government-controlled media landscape.

Summoned by the director of Lao National Radio, Ounkeo was told that Minister of Information, Culture and Tourism Bosengkham Vongdara had issued the cancellation order. "I was shocked. I had no warning," said Ounkeo. "Suddenly I was told by the head of national radio that he had been told to cancel my show. I think the order came from high up in the Ministry of Information and Culture," Ounkeo said.

"I take my program from the daily news. I open the show by reading out segments from the Lao press and then open the lines for people to comment. Recently people have been saying strange things. When many nightclubs were re-opened, someone called to say, 'well what do you expect - you know who owns them' and then he hung up." The rub was that they are likely owned by senior government officials.

"Later, someone called me and warned me not to give space to the public. But it's an open line program, so people complain about many things; the Vietnamese taking land from veterans for a golf course, the loss of farming land on Don Chang [an island outside of Vientiane]. What can I do?"

Hopes that Laos may emulate Myanmar's recent tentative moves to greater press freedom, or that the ruling Communist Party might begin to move towards more enlightened policies, have been snuffed out with the program's closure. The cancelation and continued human-rights abuses indicate that democracy is still elusive.

"Who [demanded the closure] is not the issue here, but there is no legal reasons at all. There is no warning about the mistakes. This case reflects that the Lao government limits on people's freedom expression [and is] violating the national constitution. It expresses that the power belongs to only the government. In fact that the constitution says power belong to people, by people and for people [sic]" one anonymous fan posted to the program's website.

Many Lao used the anonymity of radio to bring into question what one long time Vientiane observer has called "patrimonial politics", referring to the dominance of several influential families in Laos' politics and economy.

Some suggest the last straw may have been a live-to-air interview with a delegation of farmers from the Boloven plateau, a well-known coffee growing region in the south. They insisted that a Vietnamese coffee company had been given permission to plant 150 hectares of coffee.

Over time, however, the area had expanded into 1,000 hectares. The farmers alleged the district governor had taken bribes from the company to look the other way, and that he had recently been seen driving a new luxury car, which they insinuated was part of his pay-off.

That particular program attracted a huge audience and might have contributed to the subsequent deluge of the National Assembly's hot-line with similar land-grabbing complaints.

Before the program's airing, Ounkeo had already achieved a degree of Robin Hood-like fame for giving voice to poor versus rich social justice issues. For instance, he took his microphone into the city's jail to interview a woman wrongly accused of arson following a neighborhood feud with a wealthy Lao family. The woman was subsequently released.

The show's cancelation caused unprecedented commentary among Laos' online community. Members of Lao Links, a Lao language online bulletin board, expressed dismay and regret that "society won't be able to listen to this program anymore because it is as same as a big microphone to speak out about social problems", one online contributor wrote.

"It's the hot issue on Lao Links right now," engineer Khantone Soumiphone said. "We are all wondering why it happened and we are very concerned. It was the only source of interesting news and discussion about important development issues ... The government says it is pro-development but closes the only program that discusses the results. It doesn't make sense."

After the program's closure, Ounkeo held discussions with European Union charge d'affaires Michel Goffin, who apparently told him that the issue of press freedom would be raised at the forthcoming 9th Asia-Europe Summit (ASEM) to be held in Vientiane in November. Goffin did not answer this correspondent's request for confirmation that he made the comment.

Ironically, some of the complaints raised on Ounkeo's radio show were about the agricultural land on Don Chang. A luxury hotel is scheduled to be constructed in time for the ASEM meeting on land that previously provided much of Vientiane's fresh produce.

Meanwhile, less than a week after the program's cancelation, the front page headline in Laos English language daily newspaper, Vientiane Times, announced that the party was poised to "bolster propaganda at grassroots level".

The Ministry of Information and Culture's Propaganda and Training Board is "to accelerate the establishment of mobile propaganda teams ... to penetrate grassroots communities". The new propaganda drive, some suggest, is a government reaction to the open public hostility to its policies and actions often aired on Ounkeo's program.

Those grievances are apparently mounting. It is an open secret that many Lao provinces still function as modern-day fiefdoms for Lao political leaders to extract money and privilege. "Gate keeping, influence peddling and rent seeking are national sports disguised as development," said agro-economist Jeff Casey from Bangkok.

While Laos' gross domestic product has grown in recent years, so too has the national Gini coefficient, a statistical measure of economic inequality. Laos remains one of the world's poorest countries and mushrooming mansions owned by government officials and the sheer number of new luxury cars on Vientiane's roads have raised uncomfortable questions about who are the real beneficiaries of the communist leadership's development agenda.

Some Lao residents believe that the party is rattled by the spate of demonstrations against official abuse in neighboring Vietnam and the rise in local complaints lodged via the National Assembly's hot-line. Most of those complaints have focused on a lack of government transparency, particularly on land issues, and systemic corruption that Ounkeo's program not so subtly suggested taints all levels of government.

Beaumont Smith is a freelance journalist.

(Copyright 2012 Asia Times Online (Holdings) Ltd. All rights reserved. Please contact us about sales, syndication and republishing.)

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed


Elephant foot Crush on the ant's mouth.ແມ່ນແລ້ວຍານາງຕິນຊ້າງຢຽບປາກນົກ ແລະ ພວກ ຄມນ ຜດກ ຊາດຫມາໄຮ້ການສືກສາທຸກຄົນເລີຍອັນມີບັກຂ້າປໍສາມ ຈູມມາລີ ເປັນ ປທ ປທ(ບັກນັກບວດບູນຍັງ ວໍຣະຈິດລໍຖ້າ ຂື້ນກຳອຳນາດ6ປິແລ້ວ)ແລະ ມີບັກ ນາຍົກ ປໍສີ່ ທອງສີງ(ບັກສຸກັນປໍ1 ນັ່ງລໍຖ້າທີ່ກຳແພງນະຄອນ ວຈ) ເອົາຕີນມາອັດປາກພໍ່ແມ່ກູມາແລ້ວເຄີ່ງສັຕວັດ
ຝູຍຝູຍ
ອິ່ຫ່າທອງຫວີນ ເມັຍບັກແກວຫັວຂອດໄກສອນ ມືງໄປພາລູກມືງ4ຄົນ(ບັກໄຊສົມພອນ ຣອງປທ ສະພາເຕັ້ຍ ບັກ ສັນຕິພານ ອະດິດ ອະທີບໍ່ດີກົມພາສີ ດຽວນີ້ ເປັນ ຣມຕ ຊ່ວຍການເງີນ ບັກນາຍພົນໂທສັນຍາລັກ ອາຍຸບໍ່ທັນຮອດ40ປິຊ້ຳ ຫມາສິ້ແມ່ມືງມືງໄປລົບເສີກໄສ ຄືເກັ່ງແທ້ ຫລືວ່າມືງເປັນລູກບັກຫມາສັດເດັຍຣິສານ ໄກສອນ ບໍ ເຖີງລາກຂື້ນຮອດນາຍພົນ ແລະບັກວົງສຫວັດ ອະດິດທູດລາວທີ່ໂມສກູ)ໄປຄົ້ນສົບຜັວມືງມາຂື້ນໄຫ່ມເດີ ແລ້ວ ຖາມມັນວ່າ ມັນເອົາລັດທີລູກກຳພ້າຫລ້າຫລັງ ຂໍ ທ າ ນ ມາໃຊ້ໃນສັງຄົມລາວຫາແມ່ມັນຫຍັງ


ບັກນາຍພົນໂທ ສັນຍາລັກ(ຂີ້ລັກຂີ້ປົ້ນຄືແມ່ມັນອີ່ທອງຫວີນຫິຄຽວ)ເປັນ ຣັຖມົນຕຣີ ກະຊວງປ້ອງກັນ ປທ ຮອງບັກຂ້າປໍ2 ດວງໄຈພິຈິດເດິ

ພວກໂຈນຫ້ນາຫມາຊາດຊັ່ວພວກເຕົ່າລ້ານປິ ມັນຕັດຮອນສີດທິປວງຊົນມາແຕ່ປິ 1975 ບໍ່ແມ່ນບໍ?? ແມ່ນແຕ່ກູ່ມຕໍ່ຕ້ານໃນສູນປົ້ນປິ້ງລາວ(ສປປລ) ມັນຍັງບໍ່ຍອມປ່ອຍໃຫ້ໂປໂລຫັວມາທ້າທາຍມັນໄດ້ ເລີມເຜົາມັນໄດ້ແລ້ວ

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ປີ 2011 ກວດພົບມູນຄ່າເສຍຫາຍ 2 ແສນກ່ວາຕື້ກີບ
ວັນທີ 22 ກຸມພາ 2012 - ເວລາ 13:24:52 vientiane mai ສົ່ງຂ່າວນີ້ໃຫ້ເພື່ອນ ພິມຂ່າວນີ້
ປີ 2011 ກວດພົບມູນຄ່າເສຍຫາຍ 2 ແສນກ່ວາຕື້ກີບ

ການ­ຈັດ­ຕັ້ງປະ­ຕິ­ບັດວຽກງານກວດ­ກາລັດ ແລະ ຕ້ານການສໍ້ລາດບັງຫຼວງ ປີ 201...1 ຈຳ­ນວນ 101 ເປົ້າໝາຍພົບເຫັນມູນຄ່າເສຍຫາຍ 259.037 ຕື້ກີບ.

ຈາກບົດລາຍງານຂອງທ່ານ ດຣ.ບຸນທອງ ຈິດມະ­ນີ ປະ­ທານຄະ­ນະກວດ­ກາສູນກາງພັກ ປະ­ທານອົງ­ການກວດ­ກາລັດ­ຖະ­ບານ ໃຫ້ຮູ້ວ່າ: ລັດ­ຖະ­ບານອົງ­ການປົກ­ຄອງ ແລະ ຄະ­ນະກວດ­ກາແຕ່ລະຂັ້ນ ໄດ້ເອົາ­ໃຈ­ໃສ່ຕິດ­ຕາມກວດ­ກາຄຸ້ມຄອງບໍ­ລິ­ຫານລັດ ກວດ­ກາການ­ຈັດ­ຕັ້ງປະ­ຕິ­ບັດແຜນພັດ­ທະ­ນາເສດ­ຖະ­ກິດ-ສັງ­ຄົມ ການປະ­ຕິ­ບັດກົດ­ໝາຍນິ­ຕິກຳຕ່າງໆທີ່ລັດປະ­ກາດໃຊ້ ພ້ອມທັງກວດ­ກາສະ­ເພາະກິດບາງເປົ້າໝາຍໃນການຂຸດຄົ້ນໄມ້ ສຳປະ­ທານທີ່ດິນ ໂຄງ­ການລົງ­ທຶນພາຍໃນ ແລະ ຕ່າງ­ປະ­ເທດ ສຳ­ລັບວຽກງານສະ­ກັດກັ້ນ ແລະ ຕ້ານການສໍ້ລາດບັງຫຼວງ ໄດ້ປະ­ຕິ­ບັດດ້ວຍຫຼາຍຮູບຫຼາຍວິ­ທີ ເປັນ­ຕົ້ນແມ່ນການໃຫ້ທຸກການ­ຈັດ­ຕັ້ງຂອງພັກ-ລັດ ບັນ­ດາອົງການ­ຈັດ­ຕັ້ງມະ­ຫາ­ຊົນຢູ່ແຕ່ລະຂັ້ນ ມີຄວາມຮັບ­ຜິດ­ຊອບຕິດ­ຕາມ-ສຶກສາອົບ­ຮົມພະ­ນັກ­ງານ ສະ­ມາ­ຊິກພັກ ເປັນຂະບວນ ແລະ ປົກ­ກະ­ຕິ ບ່ອນໃດມີປະ­ກົດການດ້ານສໍ້ລາດບັງຫຼວງ ແມ່ນໄດ້ດຳ­ເນີນການກວດ­ກາແກ້ໄຂຕາມກໍ­ລະ­ນີດ້ວຍຄວາມຖືກ­ຕ້ອງ ວ່ອງ­ໄວ ຄົ້ນຄ້ວາປັບ­ປຸງດ້ານນິ­ຕິກຳທີ່ເຫັນວ່າມີຄວາມຈຳ­ເປັນ ເຊັ່ນ: ຍຸດທະສາດຕ້ານການສໍ້ລາດບັງຫຼວງ ການແຈ້ງຊັບ-ສິນລາຍຮັບ ພ້ອມນັ້ນຍັງໄດ້ເປັນເຈົ້າການເຂົ້າຮ່ວມຢ່າງຕັ້ງ­ໜ້າໃນ ການ­ເຄື່ອນ­ໄຫວແລກ­ປ່ຽນບົດ­ຮຽນ ກ່ຽວກັບການ­ຈັດ­ຕັ້ງປະ­ຕິ­ບັດວຽກງານດັ່ງ­ກ່າວກັບບັນ­ດາປະ­ເທດ ສະ­ມາ­ຊິກອາຊຽນ ກໍຄືສາ­ກົນ.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

 

ຄົນລາວເວົ້າກັນ

ເວົ້າແຕ່ພື້ນ

 

ໃຫ້ໝາໄປສີ້ເມັຍຂອງພໍ່

ບາດຝຽນພໍ່ກຸມສີ້ເມັຍໝາ-ບໍ່ເວົ້າຮອດເລີຍ

 

ອີກອັນໜຶ່ງ

ຈີນສີ້ເກ່ງກ່ວາລາວ ເພາະວ່າຜລິດພົລເມືອງອອກມາຫລາຍໂພດ

ຜົວຜລິດລູກ ໃຫ້ເມັຍເປັນຜູ້ຈຳໜ່າຍ

 

ຂ້ອຍຮຽນຮອດຫ້ອງທີ່ສອງນ້ອຍ

ສຳເຣັຈແຄ່ໄດ້ລອຍຂ້າມຟາກ ປົບໄປຢູ່ໜອງຄັນ

ບັກໝວກແງ໊ບ ເອົາປືນອາກ້າໄລ່ຍິງກົ້ນ

 

ໝູ່ເຮົາບໍ່ມັກວິທີເຮັດວຽກແບບພວກລາວແດງ

ຄືໃຊ້ຄົນຟຣີ

 

ນາຍທຶນຈ້າງຄົນເຮັດວຽກ

ໄດ້ເງິນຄ່າຈ້າງ

 

ພວກລາວແດງຂີ້ຄ້ານກ່ວາໝາ

ວຽກບໍ່ຫາ ນາບໍ່ເຮັດ ຊອກຂໍທານເງິນຊ່ອຍເຫລືອລ້າ

 

ຄວນເອົາເງິນທີ່ຊ່ອຍເຫລືອລ້ານັ້ນ

ແບ່ງປັນໃຫ້ປະຊາຊົນຊາວນາກັມມະກອນ

 

ເຫັນແຕ່ລູກສາວຣັຖມົນຫີ

ເອົາເງິນໂດລ້າ ຍັດຫີມັນ

 

ໜ້າໝາທັງ PAPA, MAMAN, et FILS , FILLES.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

*(ຂປລ23.02.12)ກອງປະຊຸມສະໄໝສາມັນຂອງ ລັດຖະບານ ໄດ້ດຳເນີນແຕ່ວັນທີ 21-22 ກຸມພາ 2012 ໄດ້ສິ້ນສຸດລົງ ພາຍໃຕ້ການເປັນປະທານຂອງ ທ່ານ ທອງສິງ ທຳມະວົງ ນາຍົກ ລັດຖະມົນຕີ ແຫ່ງ ສປປ ລາວ. ກອງປະຊຸມໄດ້ພິຈາລະນາ ແລະ ຮັບຮອງເອົາ ເອກະສານສຳຄັນ ດັ່ງນີ້:



ຮ່າງກົດໝາຍວ່າດ້ວຍກະສິກຳສະບັບປັບປຸງເພື່ອໃຫ້ສອດຄ່ອງກັບສະພາບການ ພັດທະນາເສດ ຖະກິດ-ສັງຄົມ ໃນປະຈຸບັນ ແລະ ຕໍ່ໜ້າ.

ຮ່າງກົດໝາຍວ່າດ້ວຍການກວດສອບ ແນໃສ່ເຮັດໃຫ້ຫົວໜ່ວຍງົບປະມານ, ຫົວໜ່ວຍທຸລະກິດ ແລະ ຫົວໜ່ວຍທີ່ບໍ່ສະແຫວງຫາຜົນກຳໄລ ເຄື່ອນໄຫວ ຖືກຕ້ອງຕາມລະບຽບກົດໝາຍ, ມີປະສິດທິພາບ -ປະສິດທິຜົນ, ປະຢັດ, ສະກັດກັ້ນປະກົດການຫຍໍ້ທໍ້ທາງ ດ້ານການເງິນ ແລະ ງົບປະມານແຫ່ງລັດ, ປະກອບ ສ່ວນເຮັດໃຫ້ການຄຸ້ມຄອງລັດ, ຄຸ້ມຄອງເສດຖະກິດ ມີຄວາມເຂັ້ມແຂງ, ໂປ່ງໃສ.



​ໃນ​ກອງ​ປະຊຸມ​ຄັ້ງນີ້ ທ່ານນາຍົກລັດຖະມົນຕີ ຍັງໄດ້ເນັ້ນໜັກບາງວຽກງານຈຸດສຸມສຳລັບ ເດືອນ ມີນາ 2012 ດັ່ງນີ້:

ຕັ້ງໜ້າແກ້ໄຂປະກົດການຫຍໍ້ທໍ້ໃນສັງຄົມ ເຊັ່ນ​: ຄວາມສັບສົນ ແລະ ​ຄວາມບໍ່​ເປັນລະບຽບ​ຮຽບຮ້ອຍ ​ໃນ​ຕົວ​ເມືອງ​ໃຫຍ່​ຕ່າງໆ ​ໂດຍ​ເພີ່​ມທະວີ​ການ​ຊີ້​ນຳ​ບັນ ຊາ ແລະ ​ນຳ​ເອົາ​ກຳລັງ​ລົງ​​ແກ້​ໄຂ​ຕົວ​ຈິງ ​ເປັນຕົ້ນ​ແມ່ນ:

ບັນຫາຢາເສບຕິດ,
ການປຸ້ນຈີ້-ຊິງຊັບ,
ສະຖານທີ່ມົ້ວສຸມຕ່າງໆ ແລະ


ແກ້ໄຂບັນຫາການເກີດອຸປະ ຕິເຫດຕາມທ້ອງຖະໜົນ ເຮັດ​ໃຫ້​ປະກົດ​ການ​ຫຍໍ້​ທໍ້​ນັບ ມື້ນັບຫຼຸດລົງ ​ເພື່ອສ້າງ​ສະພາບ​​ແວດ​ລ້ອມ​ອັນ​ເອື້ອອຳນວຍ​ໃຫ້ແກ່​​ການ​ເປັນ​ເຈົ້າພາບ ​ກອງ​ປະຊຸມ​ສຸດ​ ຍອດ​ອາ​ເຊັມ ທີ່ຈະ​ມາ​ເຖິງນີ້.

+5dance+5dance+เอิ๊กๆ+5dance+5dance

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

http://www.youtube.com/watch?v=2IEoITPq3Is&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=Qjznqyc7noE&feature=endscreen&NR=1



http://youtu.be/OhNZJN5_d6I

http://www.youtube.com/watch?v=JVQMPAhIW1Y&feature=related

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

http://tiny.cc/serixonlao

__________________
«First  <  1 2 3  >  Last»  | Page of 3  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.



Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard